การประท้วงอย่างยืดเยื้อในฮ่องกงอาจจะทำให้เข้าสู่ภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจได้ในไม่ช้า แต่สถานการณ์ดังกล่าว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงราคาพื้นที่หรืออสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงได้ ล่าสุด ราคาที่จอดรถสูงเกือบ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 29 ล้านบาท
ทั้งนี้ Johnny Cheung Shun-yee นักธุรกิจก็อธิบายถึงเรื่องยากที่เข้าใจเช่นนี้ว่า ความเหลื่อมล้ำในฮ่องกงสูงมากจนมีการประท้วงยืดเยื้อยาวนานถึง 5 เดือนเพราะว่ามีคนจำนวนมากถึง 1 ใน 5 ของประชากรโดยรวมมีชีวิตอยู่ต่ำกว่าเส้นยากจนเสียอีก (ประมาณ 1.47 ล้านราย ประชากรทั้งหมดในฮ่องกงราว 7.5 ล้านราย)
เส้นยากจน หรือ Proverty Line หมายถึงระดับรายได้ขั้นต่ำสุดที่ทำให้บุคคลหรือครัวเรือนในประเทศหนึ่งๆ มีความเพียงพอในการครองชีพ โดยวัดจากจำนวนเงินที่ต้องจ่ายสำหรับสิ่งต่างๆ ที่เป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐาน เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย การรักษาพยาบาล และเครื่องอุปโภคอื่นๆ ความจำเป็นที่ต้องมีการใช้จ่ายขั้นต่ำนี้ เป็นที่มาของรัฐบาลในการให้สวัสดิการสังคมในรูปแบบต่างๆ
ค่าที่จอดรถนี้มีราคาสูงถึง 7.6 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 9.7 แสนเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 29,446,086.30 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แพงกว่าค่าจ้างเฉลี่ยรายปีของฮ่องกงถึง 30 เท่าเลย แค่นั้นยังไม่พอ ยังแพงพอๆ กับอพาร์ทเมนท์หนึ่งห้องนอนในลอนดอนหรือเชลซีเสียอีก
พื้นที่จอดรถดังกล่าวนี้ตั้งอยู่ในตึก The Center ซึ่งเป็นตึกระฟ้าซึ่งสูงที่สุดเป็นอันดับ 5 ของฮ่องกง สูง 1,135 ฟุต หรือประมาณ 345.9 เมตร มี 73 ชั้น ตึกเริ่มสร้างขึ้นในปี 1995 แล้วเสร็จในปี 1998 (ตึกที่สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของฮ่องกงคือตึก International Commerce Centre สูงขนาด 1,588 ฟุต หรือประมาณ 484.02 เมตร สร้างเสร็จในปี 2010 เปิดใช้งานในปี 2011 มีทั้งหมด 108 ชั้น)
ตึก The Center เคยเป็นที่ฮือฮากันมากในช่วงปี 2017 ว่ากลายเป็นตึกที่แพงที่สุดในฮ่องกงและมีมหาเศรษฐีขายได้มากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 151,783,950,000 (1.5 แสนล้านบาท) ส่วนใครเป็นผู้ซื้อนั้น ไม่ปรากฎข้อมูล และถ้าเทียบเรื่องค่าที่จอดรถกับทรัพย์สินอื่นๆ ในครอบครองของเหล่าเศรษฐีนี้ก็ถือว่าราคานี้ไม่ได้แพงเกินไปสำหรับการจะจัดหามาครอบครอง
ทั้งนี้ เจ้าของสำนักงานส่วนใหญ่ที่ตั้งอยู่ในตึก The Center ก็มักจะเป็นนักธุรกิจที่อยู่ในภาคการเงิน ไม่ก็ธุรกิจด้านอื่นที่มีการเติบโตสูงอยู่แล้ว ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่แพงมากในฮ่องกงก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาทางการเมืองเช่นกัน ธุรกิจขนาดเล็กๆ ก็ถูกบีบให้ต้องปิดตัวลง
ขณะที่หลายๆ คนก็ไม่สามารถหาซื้อจับจองเป็นที่อยู่อาศัยของตัวเองได้ ราคาอสังหาฯ ที่แพงมากขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการไหลเข้าของนักลงทุนและนักพัฒนาจากจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย
ที่มา – Rappler, World Atlas, สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา