OPPO ถือฤกษ์ก่อนสงกรานต์ เปิดตัว OPPO Find X3 Pro 5G มือถือ Flagship รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมจอแสดงผลหนึ่งพันล้านสี เคาะราคาเปิดตัวในไทย 33,990 บาท รับเครื่อง 4 เมษายนนี้ พร้อมสร้างแบรนด์ให้เติบโตมากขึ้น หวังให้ลูกค้าที่จะซื้อมือถือ Flagship ต้องนึกถึง OPPO เป็นแบรนด์แรก
ชานนท์ จิรายุกุล ประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายบริหาร ออปโป้ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาออปโป้ประสบความสำเร็จด้วยยอดผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก และเติบโดในตลาดไฮเอนด์กว่า 200% ที่ยุโรปตะวันตกและญี่ปุ่น และด้วยการลงทุนด้าน R&D กว่า 7,000 ล้านเหรียญในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เรามีสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายและนวัตกรรมมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก ดังนั้น เราต้องการขยายฐานกลุ่มผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนไฮเอนท์ จึงเป็นที่มาของ OPPO Find X3 Pro 5G ที่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยในวันนี้
OPPO Find X3 Pro 5G มาพร้อมกับจอแสดงผล 10bits ที่ให้เฉดสีกว่าหนึ่งพันล้านสี พร้อมกล้องหลังความละเอียด 50MP พร้อมโหมด Microlens กำลังขยายสูงสุด 60 เท่า รองรับ 5G และระบบชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0 วางจำหน่ายในราคา 33,990 บาท ในรุ่น RAM 12GB / ROM 256GB มีสองสีให้เลือกได้แก่ Gloss Black และ Blue เปิดให้จองแล้ว พร้อมรับของ 4 เมษายนนี้
มองการแข่งขันมือถือ 5G ปีนี้เป็นเรื่องธรรมดา
จิรายุมองว่า ที่ผ่านมาเราเป็นผู้นำเข้ามาจำหน่ายสมาร์ทโฟน 5G เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ปีนี้เลยเป็นเรื่องธรรมดาที่สมาร์ทโฟนหลายๆ แบรนด์ที่ราคาเกิน 10,000 บาทจะรองรับการใช้งาน 5G แต่ OPPO เราเองไม่ได้โฟกัสเรื่องของสเปค หรือ 5G มากเหมือนแต่ก่อน แต่เราจะเน้นเรื่องของฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ให้ล้ำสมัย พัฒนาเรื่องของกล้องให้มีความฉลาดมากขึ้น เสริมการใช้งาน AI มากขึ้น และให้ความสำคัญต่อซอฟท์แวร์ต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่รองรับการใช้งานในอนาคตอันใกล้นี้
“เราประสบความสำเร็จ และเป็นที่ 1 ของตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง โดยเฉพาะ Reno 4 ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ เราเน้นตลาดกลุ่มนี้มาก เพราะสัดส่วนการจำหน่ายทั้งหมดมาจากตลาดระดับกลางกว่า 40% แต่เราก็ไม่ละทิ้งตลาดไฮเอนท์ระดับบนเช่นกัน สมาร์ทโฟนของ OPPO ที่ผ่านมาที่ราคาเกิน 20,000 บาทมีขายมาได้ไม่นาน สัดส่วนของตลาดกลุ่มนี้ยังน้อยมาก เราจึงพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ให้ทันสมัย อย่าง OPPO Find X3 Pro 5G ที่เปิดตัว และอยากให้ลูกค้าที่จะซื้อ Flagship ให้นึกถึงแบรนด์เราเป็นอันดับแรกหลังจากนี้”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา