หนังเรื่อง Paradise จาก Netflix หนังที่ทำให้เรากลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า เวลาในชีวิตของมนุษย์แต่ละวินาที แต่ละชั่วโมง แต่ละวัน มีค่าเท่าไร? ถ้ามีคนมาซื้อเวลาชีวิตคุณ คุณจะตีราคาของเวลาชีวิตที่หายไปเท่าไร?
หนังพยายามสะท้อนให้เห็นความสำคัญกับระดับชั้นของผู้คนในสังคม ยิ่งทำประโยชน์ให้ประเทศ มีคุณูปการมาก ยิ่งต้องขยายเวลาการมีชีวิตอยู่มากๆ แล้วใครกันที่ต้องแลกเวลาชีวิตให้กับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้? นี่คือ 10 ข้อคิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้
1.) เรื่องนี้สะท้อนมุมมองน่าสนใจ 4 เรื่อง ความเหลื่อมล้ำ ความยุติธรรม คุณค่าของเวลาและหลักการที่ผู้คนยึดถือ
2.) ถ้ายังจำกันได้ เคยมีคนตั้งคำถามว่า ถ้า Bill Gates ทำเงินตก xxx เหรียญสหรัฐ คิดว่าเขาจะเก็บขึ้นมาไหม? คนมักจะคำนวณว่าเขาจะไม่เก็บขึ้นมาเพราะแค่ไม่กี่วินาที เขาจะได้เงินคืนกลับมาในอัตราที่เท่ากับที่เขาทำหล่นไป เรื่อง Paradise นี้พยายามจะสะท้อนให้เห็นเช่นกันว่า เวลาชีวิตของคุณมีค่าเท่าไร ต้องแลกกับอะไรถึงจะเท่าเทียมกัน
3.) บางเรื่อง เมื่อความเดือดร้อนไม่ถึงตัว ผู้คนก็มักจะมองว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่าคนที่เดือดร้อนอยู่รู้สึกอย่างไร จนกระทั่งโดนกระทำแบบเดียวกันถึงจะเข้าใจ
4.) การใช้ชีวิตอยู่กับคนป่วยนั้นไม่ง่าย คนดูแลต้องมีร่างกายที่แข็งแรง และสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง คนป่วยไม่ได้มีจิตใจที่ร่าเริง สดชื่นตลอดเวลาอยู่แล้ว จะทำอย่างไรให้อยู่กับคนป่วยอย่างเข้าใจและมีความสุขได้ เรื่องนี้ต้องฝึกฝน
5.) การเลือกเจรจาต่อรองกับคนไม่มีอะไรจะเสีย ผู้ถือไพ่เหนือกว่าย่อมได้เปรียบเสมอ
6.) เมื่อเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตลอด หรือไม่ได้รับความยุติธรรมมาตลอด เป็นไปได้ยากมากที่จะปล่อยวางและไม่แค้นเคืองจนห้ามใจไม่เอาคืนได้ เว้นแต่ผลประโยชน์ของฝ่ายกระทำ กับผู้ถูกกระทำสอดคล้องกัน จึงทำให้สมยอมต่อการถูกกระทำที่ไม่เป็นธรรมมาตลอดได้
7.) คนที่คุมเกมจะหาทางเอาชนะได้เสมอ และหนทางแห่งการเอาชนะ เขาจะทำมันให้ดูเป็นเรื่องบังเอิญง่ายๆ เหมาะเจาะ ทั้งที่จริงๆ แล้ว วางแผนดักทุกทางมาตั้งแต่เริ่มต้น
8.) เมื่อร่วมอยู่ในกลเกมที่ชั่วร้าย เลี่ยงได้ยากมากที่จะไม่ชั่วร้ายแบบเดียวกับวัฏจักรนั้น หนังเรื่องนี้ไม่ได้สะท้อนเรื่องความเหลื่อมล้ำอย่างเดียวแต่สะท้อนเรื่องความยุติธรรมและหลักการที่ผู้คนยึดถือ
เมื่อได้จังหวะเอาคืน ก็เลี่ยงได้ยากที่เราจะไม่ทำแบบเดียวกับคนที่เราเกลียด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเลี่ยงไม่ได้ อยู่ที่การตัดสินใจล้วนๆ แน่นอน หลักการจะกลายเป็นเพียงข้ออ้างที่ถ้าเป็นพวกเดียวกันก็ทำได้ ไม่ใช่ปัญหา เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ แต่สถานการณ์และตัวละครในเรื่องต่างหากที่พิสูจน์หลักการที่ผู้คนยึดถือ
9.) คนที่เคยรักใคร่กันดี ต่อสู้มาด้วยกันตลอด สามารถแยกทางกันได้ตลอดเวลา เมื่อหลักการที่ยึดถือ ไม่ตรงกัน
10.) ถ้าเรายึดติดกับเวลาและยึดติดกับตัวบุคคล นวัตกรรม สิ่งใหม่ๆ จะไม่เกิดขึ้น ชีวิตจะวนลูปอยู่กับแนวคิดเดิมๆ ผู้คนแบบเดิมๆ เหมือนคนที่อยากหยุดเวลาไว้ไม่ให้เคลื่อนไปข้างหน้า เพราะคิดว่าสิ่งที่มีและสิ่งที่เป็นอยู่ ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาหรือมีวิวัฒนาการต่อไปหรอก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา