หนังเรื่อง OTTO ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของคุณลุงขี้โมโห คร่ำเคร่ง เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เป็นมิตรกับใครเอาซะเลย แต่ใครๆ ก็วิ่งเข้าหาและขอความช่วยเหลือจากเขาเสมอ จนในที่สุดเขาก็กลายเป็นฮีโร่ของคนอื่นๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ นี่คือ 10 ข้อคิดที่ได้จากการดูหนังเรื่องนี้
- อย่าตัดสินคนจากภายนอก
คนที่ดูคร่ำเคร่ง ดุดัน ปิดตัวและไม่อยากคบใคร จริงๆ แล้วอาจมีหัวใจที่เป็นมิตรและพร้อมจะช่วยเหลือเมื่อคนอื่นเดือดร้อนเสมอ
- คนที่ต่างธาตุกันไม่อาจเข้าใจกันได้ จนกว่าจะมีใครสักคนเปิดใจ
OTTO จำเป็นต้องเปิดใจ เมื่อถึงคราวที่เขาต้องขอความช่วยเหลือบ้าง จุดนี้เองที่ทำให้คนที่เริ่มกลัวที่จะสานสัมพันธ์กับเขาต่อ ได้เรียนรู้ที่จะรู้จักและเข้าใจเขาอีกครั้ง
- จงทำดีกับทุกคน เพราะเราไม่รู้ว่าแต่ละคนแบกอะไรไว้บนบ่า
OTTO ไม่เป็นมิตร ดุดัน โหดร้าย แต่เบื้องหลังความแตกสลายที่ทำให้เขากลายเป็นคนเช่นนี้ มันคือความเจ็บปวด ตรอมใจ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แค่รู้จักกันผิวเผิน ไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าภายในของบุคคลนั้นต้องกล้ำกลืนฝืนทนขนาดไหน เราไม่อาจรู้ได้ว่าแต่ละคนผ่านมรสุมชีวิตอะไรบ้าง บางคนที่ดูเรียบเฉย ดูดาย อาจพยายามหาทางฆ่าตัวตายในทุกๆ วันและกำลังหมกมุ่นกับปัญหาของตัวเองอยู่ ถ้าอยู่ในสถานะที่ช่วยเหลือได้ก็ควรช่วย ไม่ใช่ซ้ำเติม
4. ภายใต้การขอความช่วยเหลือ คนคนนั้นอาจต้องรวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยปากร้องขอ
ในบางครั้งเราอาจรู้สึกรำคาญ หงุดหงิด ไม่พอใจที่มีใครสักคนเข้ามาขอความช่วยเหลือจากคุณตลอดเวลา แต่เอาเข้าจริง ไม่มีใครอยากเป็นภาระของชีวิตใคร การที่เขาเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ เขาอาจต้องรวบรวมความกล้าที่จะลด Ego ตัวเอง เพื่อเผยให้เห็นความอ่อนแอของตัวเองอยู่ ดังนั้น ถ้าอยู่ในสถานะที่ช่วยได้ ก็ช่วยเถอะ การมีน้ำใจต่อกันทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น
5. นิ่งเฉย ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้สึก
เราจะเห็นครอบครัวเพื่อนสนิทของ OTTO ที่เคยรักใคร่กัน สนิทสนมกันหลายสิบปี กลายเป็นเฉยชาต่อกันเพราะมีเรื่องผิดใจกัน แท้ที่จริงแล้วต่างคนต่างก็ยังคิดถึงกันและกัน และนึกถึงความรู้สึกของกันและกันอยู่ ฉากนี้เห็นได้ชัดเจนตอนที่ OTTO บอกลาเพื่อนที่กำลังป่วยจากโรคพาร์คินสันที่แทบจะเคลื่อนไหวไม่ได้เลย แต่เพื่อนของเขาสามารถเคลื่อนไหวได้ทันทีเมื่อได้ยินคำลาและพยายามฉุดรั้งเขาไว้
- หลายครั้งความใจดี ก็ทำให้ผู้คนตกหลุมรักอย่างช่วยไม่ได้
แม้คุณลุง OTTO จะหมกมุ่นกับการหาทางฆ่าตัวตาย แต่เมื่อตกอยู่ในสภาวะที่เห็นใครบางคนจะตายด้วยความบังเอิญ หรืออ่อนแอล้มลงตรงหน้า ความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่ในตัว ก็ทำให้เขาเห็นใจและอดไม่ได้ที่จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ทำให้เขาตกเป็นฮีโร่ของสังคมแบบไม่ตั้งใจ
- อย่ามัวแต่สนใจแต่ตัวเอง จนลืมให้ความช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน
ฉากที่มีคนล้มลงบนรางรถไฟ จนเกือบถึงแก่ชีวิต มีแต่คนพร้อมจะถ่ายทอดสดภาพของเหยื่อหรือบันทึกเหตุการณ์ผ่านมือถือ แต่ลืมที่จะให้ความช่วยเหลือทั้งๆ ที่สามารถช่วยเหลือได้ จงมีสติในการใช้ชีวิต อย่าหมกมุ่นที่จะเก็บรายละเอียดทุกปรากฏการณ์มาเป็นคอนเทนต์ จนลืมให้ความช่วยเหลือคนอื่น ทั้งๆ ที่สามารถทำได้
- รู้จักเกรงใจคนอื่นบ้าง เวลาคิดจะขอความช่วยเหลือจากใคร
ในเรื่อง OTTO เราจะเห็นความเป็นเพื่อนบ้าน เพื่อนที่เคยสนิทและคนอื่นๆ ตลอดจนนักข่าวพยายามจะขอความช่วยเหลือจาก OTTO ตลอดเวลา ในระดับที่มากมายจนถ้าเราเป็น OTTO ที่กำลังหมกมุ่นกับปัญหาของตัวเอง คงรู้สึกรำคาญกับการร้องขอดังกล่าว จงเรียนรู้ที่จะขอความช่วยเหลือในระดับที่ไม่เบียดเบียนชีวิตของผู้อื่นมากเกินไป
9. เรื่อง OTTO ทั้งเรื่อง คือการสะท้อนภาพการรู้จักให้และการรู้จักรับ
แม้ตอนท้ายของเรื่องยังมีการขึ้น End Credits ให้ผู้คนที่กำลังดูเรื่อง OTTO เรียนรู้ที่จะให้ความช่วยเหลือกับผู้อื่นบ้าง สังคมจะน่าอยู่ขึ้นจริงๆ นะ ถ้ารู้จักมีน้ำใจต่อกัน ไม่เชื่อลองทำดูสิ
10. ฝึกตัวเองให้เรียนรู้ที่จะมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน
ถ้าความเจ็บปวดในอดีตทำให้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ลองท้าทายตัวเองด้วยการหาทางมีชีวิตอยู่ด้วยการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเจ็บปวดนั้น บางทีอาจจะมีความสุขเหมือนกับ OTTO ที่ในที่สุดก็เลิกหมกมุ่นที่จะฆ่าตัวตาย เรียนรู้ที่จะเข้าใจคนอื่น ออกจากปัญหาของตัวเอง และมีความสุขกับสิ่งรอบตัวได้
ที่มา – OTTO
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา