ออฟฟิศยุคใหม่แบบเปิดโล่ง พนักงานป่วย เสี่ยงแพร่เชื้อโรค มากกว่าพนักงานออฟฟิศปิด

ปัจจุบันบริษัทส่วนใหญ่มักออกแบบสำนักงานแบบเปิดโล่ง (Open Plan Office) ไม่มีพาร์ทิชั่นกั้นระหว่างโต๊ะทำงานแต่ละตัว เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถใช้พื้นที่ร่วมกันได้อย่างอิสระ แต่ความจริงแล้วการออกแบบสำนักงานแบบเปิดโล่งนี้ทำให้พนักงานป่วยได้ง่ายกว่าปกติ

หลายประเทศทั่วโลกได้มีการเก็บข้อมูลผู้ที่ทำงานในสำนักงานแบบเปิดโล่ง หนึ่งในนั้นคือ การเก็บข้อมูลจากพนักงานชาวสวีเดนจำนวน 1,800 คน พบว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงานแบบเปิดโล่งมีแนวโน้มลาป่วยระยะสั้นๆ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ มากกว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงานแบบปกติถึง 2 เท่า 

ประเทศเดนมาร์กพบว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงานแบบเปิดโล่ง กว่า 62% ลาป่วยมากกว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงานแบบปกติ ส่วนที่ประเทศแคนาดา ผลสำรวจพบว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงานแบบเปิดโล่งจะลาป่วยเฉลี่ย 3.1 วันต่อปี เทียบกับพนักงานที่ทำงานในสำนักงานแบบปกติโดยเฉลี่ยลาป่วยน้อยกว่า คือ 1.8 วันต่อปี

ทำไมสำนักงานแบบเปิดโล่ง จึงกลายเป็นผู้ร้าย?

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าเชื้อไข้หวัดแพร่กระจายอย่างไรบ้าง คนป่วยเป็นไข้หวัดใช้มือจับปากและจมูกของตัวเอง แล้วเอามือไปจับพื้นผิวต่างๆ เช่น โต๊ะ และเก้าอี้ในห้องประชุม แน่นอนว่าพื้นผิวต่างๆ อาจมีเชื้อไข้หวัดปะปนอยู่ได้ คนที่ไม่ได้ป่วยไม่รู้มานั่งที่เก้าอี้ตัวนั้นต่อ มือโดนเก้าอี้ เผลอเอามือโดนปากและจมูกของตัวเอง สุดท้ายเชื้อไข้หวัดจึงเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว หรือคนป่วยเป็นไข้หวัดอาจไอ หรือจามทำให้ละอองของสารคัดหลั่งกระจาย จนแพร่ไข้หวัดไปทั้งบริเวณ

John Noti นักวิจัยจุลชีววิทยาของศูนย์ควบคุมโรค ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ลักษณะของสำนักงานแบบเปิดโล่งมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแพร่เชื้อไข้หวัดมากกว่าสำนักงานแบบปกติ เพราะไม่มีการแบ่งเขต หรือการกั้นห้อง พนักงานจำนวนมากจึงนั่งทำงานร่วมกันในห้องขนาดใหญ่ บางครั้งเราอาจมีการสัมผัสกับข้าวของเครื่องใช้ของเพื่อนร่วมงานที่ป่วยเป็นไข้หวัดแบบไม่ตั้งใจ

ซึ่งต่างจากสำนักงานแบบปกติ ที่มักมีพาร์ทิชั่นกั้นระหว่างโต๊ะทำงานแต่ละตัว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อไข้หวัดได้ เพราะการมีพาร์ทิชั่นเป็นเหมือนการกั้นเขตระหว่างโต๊ะทำงานของเรากับเพื่อนร่วมงาน ช่วยลดโอกาสที่เพื่อนร่วมงานจะสัมผัสกับสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะของเรา รวมถึงเวลาไอ หรือจาม ละออกสารคัดหลั่งจะไม่กระเด็นไปหาคนอื่นโดยตรง เพราะยังมีพาร์ทิชั่นเป็นกำแพงกันอยู่

Photo : Shutterstock

ในขณะที่สำนักงานแบบเปิดโล่งมีโอกาสสูงมากที่ละอองสารคัดหลั่งที่ออกจากปากเวลาไอหรือจาม จะกระจายไปได้ไกลถึง 6 ฟุต แม้ว่าเราไม่ได้นั่งโต๊ะติดกับคนที่จาม แต่เราก็ยังมีโอกาสติดไข้หวัดได้เช่นกัน

แต่ใช่ว่าคนที่ทำงานในสำนักงานแบบปกติจะไม่ต้องกังวลเลย เพราะความจริงแล้วยังมีความเสี่ยงที่จะติดไข้หวัดจากเพื่อนร่วมงานได้ โดยเฉพาะจากพื้นที่ที่ใช้งานร่วมกัน ซึ่งเราหลีกเลี่ยงการสัมผัสได้ยาก ได้แก่ ห้องน้ำ ห้องครัว โต๊ะทานอาหาร และเครื่องถ่ายเอกสาร รวมถึงระบบเครื่องปรับอากาศของอาคารสำนักงานมักเป็นระบบปิด

อากาศไม่ได้มีการถ่ายเทจากภายนอก ทำให้สิ่งสกปรก และเชื้อโรคหมุนเวียนอยู่ภายในอาคารตลอดเวลา เมื่อเราหายใจจึงมีแนวโน้มที่จะสูดเอาสิ่งสกปรกและเชื้อโรคพวกนี้เข้าไปในร่างกายได้

ต้องรู้จักป้องกันตัวเอง อย่ากลัวจนไม่กล้าไปทำงาน ความจริงแล้ววิธีการป้องกันตัวเองจากไข้หวัดแบบง่ายๆ ยังคงได้ผลอยู่เสมอ ได้แก่

การล้างมือให้สะอาด เป็นการป้องกันโรคไข้หวัดที่ง่ายและได้ผล ภาพจาก pixabay.com
  • ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดอยู่เสมอ โดยใช้เวลาล้างอย่างน้อย 20 วินาที หรือถ้าไม่มีสบู่จะใช้แอลกอฮอล์เจลแทนก็ได้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา จมูก และปากหากมือไม่สะอาด เพราะเชื้อไข้หวัดจะเข้าสู่ร่างกายผ่านช่องทางพวกนี้ และจะทำให้คุณไม่สบาย
  • หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดเพื่อป้องกันตัวเอง เพราะโดยปกติแล้วไข้หวัดจะแพร่กระจายผ่านการสัมผัส

Work

ส่วนใครป่วยเป็นไข้หวัดแล้วถ้าเป็นไปได้ควรใช้สิทธิลาป่วย หรือขอทำงานที่บ้าน (Work From Home) เพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อนร่วมงานติดไข้หวัดจากเรา หรือหากทำไม่ได้ก็ควรปฎิบัติตัวดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น ทั้งการจับมือเพื่อทักทาย กอด และหอมแก้ม
  • ก่อนไอหรือจาม ควรออกห่างจากผู้อื่น ใช้มือ ผ้าเช็ดหน้า หรือกระดาษทิชชูปิดปากให้สนิทขณะไอหรือจาม เพื่อป้องกันสารคัดหลั่งที่อาจกระจายไปได้ และต้องล้างมือให้สะอาดด้วย
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นผิวและสิ่งของที่ต้องใช้งานร่วมกับผู้อื่นโดยตรง เช่น โต๊ะประชุม หรือลูกบิดประตู

ที่มา – vice, CDC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา