Oatside เปรยแผนขึ้นไลน์ผลิตในประเทศไทย ย้ำตลาดนมโอ๊ตโตแรงสุดในกลุ่มนมทางเลือก

Oatside แบรนด์นมโอ๊ตจากประเทศสิงคโปร์ เตรียมพิจารณาไทยเป็นหนึ่งในพื้นที่ขยายโรงงานผลิตนมโอ๊ตแห่งใหม่ หลังก่อตั้ง 2 ปี ยอดขายโตก้าวกระโดด ขยายการจำหน่ายไป 18 ประเทศ ชี้นมโอ๊ตโตแรงสุดในกลุ่มนมทางเลือก พร้อมเปิดตัวสินค้ากล่องเล็กราคา 25 บาท กระตุ้นยอดจากค้าปลีก หลังแข็งแกร่งในตลาด HORECA

Oatside

Oatside วางแผนขึ้นไลน์ผลิตในไทย

ซินดี้ ลิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด Oatside แจ้งอย่างเป็นทางการว่า บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาขยายฐานการผลิตนอกเหนือจากที่มีโรงงาน 1 แห่งในประเทศอินโดนีเซีย เบื้องต้นมองไว้ที่ 3 ประเทศ โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ และเหตุผลในเพิ่มโรงงานจะมีเรื่องความเหมาะสมในการช่วยกระจายสินค้าออกไปในประเทศที่ทำตลาด

Oatside เป็นแบรนด์นมโอ๊ตจากประเทศสิงคโปร์ ก่อตั้งเมื่อปี 2022 มีการระดมทุนในรอบ Series A ในปีที่ก่อตั้งด้วยมูลค่า 90.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 2,400 ล้านบาท มี GGV Capiral และ Temasek Holdings เป็นผู้นำในการลงทุน ปัจจุบันมีการทำตลาดใน 18 ประเทศทั่วโลก

“ช่วงไตรมาส 1 ของปี 2024 เรามีการขยายกำลังการผลิตในโรงงานที่อินโดนีเซียไปแล้ว และหวังว่าการทำตลาดนมโอ๊ตจะช่วยเพิ่มความยั่งยืนให้กับโลก ผ่านการเน้นสื่อสารแบรนด์ไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มคนที่ต้องการดื่ม Plant-base Milk ต่างจากนมโอ๊ตแบรนด์อื่น ๆ ที่เน้นสื่อสารไปที่กลุ่มคนรักสุขภาพมากกว่า”

Oatside
ซินดี้ ลิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด Oatside

เพิ่มความเข้มข้นในการเจาะผู้บริโภค

ลลิตกาญจน์ ทวีชัยวัฒนะ ผู้อำนวยการ Oatside ประเทศไทย เสริมว่า ครึ่งหลังของปี 2024 Oatside จะทำตลาดกับผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้น ผ่านการเปิดตัวสินค้านมโอ๊ตกล่องเล็กขนาด 200 มล. ราคา 25 บาท พร้อมวางในช่องทางจำหน่ายร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ

กลยุทธ์ดังกล่าวต่อยอดจากการทำตลาดในช่องทางค้าปลีกได้ลำบาก ผ่าน Oatside ที่มีเพียงสินค้านมโอ๊ตขนาด 1 ลิตร ทำให้ผู้ซื้อทั่วไปไม่สะดวก และต้องไปเน้นจำหน่ายให้กับกลุ่ม HORECA หรือร้านอาหาร และร้านกาแฟที่ทำเมนูใส่นมโอ๊ต เช่น การจำหน่ายให้กับร้าน The Coffee Club, Casa Lapin และ ชาตรามือ เป็นต้น

“ยอดขายในประเทศไทย 90% มาจากช่องทางลูกค้าธุรกิจ เพราะเรามีจุดอ่อนเรื่องขนาดของสินค้า แต่หลังจากนี้ปัญหาดังกล่าวจะไม่มีอีกแล้ว เพราะเราได้ทำตลาดสินค้าขนาด 200 มล. ช่วยเพิ่มโอกาสในการให้ผู้บริโภคซื้อได้ง่ายขึ้น และหวังว่ายอดขายจากกลุ่มผู้บริโภคต้องแซงหน้าลูกค้าธุรกิจ และกินสัดส่วนถึง 60% ภายใน 2-3 ปี”

Oatside
ลิตกาญจน์ ทวีชัยวัฒนะ ผู้อำนวยการ Oatside ประเทศไทย

ไม่หวั่นเศรษฐกิจซบกระทบยอดขาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากสำรวจในตลาด นมโอ๊ตจะมีราคาสูงกว่านมวัวทั่วไปราว 1 เท่า ถือเป็นหนึ่งในข้อจำกัดสำคัญในการจูงใจผู้บริโภคให้ซื้อภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ซึ่ง Oatside อยู่ระหว่างพยายามกดราคาลงมาให้เอื้อมถึงง่ายขึ้นเพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาด

“ตอนนี้นมโอ๊ตเติบโตที่สุดในกลุ่ม Plant-base Milk เพราะด้วยรสชาติที่ดื่มง่ายกว่าประเภทอื่น เช่น นมถั่วเหลืองหรือนมอัลมอนด์ เมื่อประกอบกับการรับรู้แบรนด์ของ Oatside นั้นแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ จึงสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เรา และสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้หลังจากนี้” ลลิตกาญจน์ กล่าว

ก่อนหน้านี้ อริสา อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการ และผู้ก่อตั้ง บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ 137 ดีกรี แจ้งว่า ตลาดนมทางเลือก (RNGS: Rice, Nuts, Grains และ Seeds-Based) หรือนมที่ไม่ใช่นมวัว และนมถั่วเหลือง ในปี 2023 มีมูลค่า 1,399 ล้านบาท โดยนมอาลมอนด์กินส่วนครึ่งหนึ่ง หรือ 700 ล้านบาท

สำหรับการเปิดตัวนมโอ๊ตขนาด 200 มล. จะมี 3 รสชาติ ประกอบด้วย รสดั้งเดิม, กาแฟ และช็อกโกแลต โดยไทยถือเป็นประเทศกลุ่มแรกที่เปิดตัวสินค้าขนาดเล็ก ซึ่งที่สิงคโปร์ หรือประเทศที่ก่อตั้ง ยอดขายที่เกิดขึ้นนั้นเติบโตเท่าตัวเมื่อเทียบกับการทำตลาดแค่สินค้าขนาด 1 ลิตร

Oatside

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา