เมื่อปี 2561 ประธานของ Nintendo ให้คำมั่นไว้ว่า รายได้จากเกมมือถือของบริษัทจะคิดเป็นกว่า 1 แสนล้านเยน แต่ด้วยแผนที่ผิดพลาด และธุรกิจเครื่องเกมกลับมาเติบโต ทำให้ Nintendo ได้ใส่เกียร์ถอยจากตลาดเกมมือถือแล้ว
แผนที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย
หากย้อนไปช่วงที่ Nintendo ประกาศบุกตลาดเกมมือถือ จะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Nintendo ล้มเหลวกับการทำตลาดเครื่องเกมที่ชื่อว่า Wii U ทำให้บริษัทเตรียมหาช่องทางรายได้ใหม่ ซึ่งเกมมือถือดูเหมือนจะเป็นช่องทางที่ดีที่สุด เพราะตลาดนี้โตเร็วมาก และคาดการณ์ว่าในปีนี้ตลาดเกมมือถือจะมีมูลค่ากว่า 77,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทำให้ Nintendo ตัดสินใจเดินหน้าในตลาดนี้เต็มที่ ผ่านการวางแผนว่าจะเปิดตัวเกมมือถือ 2-3 เกมในแต่ละปี ซึ่งสุดท้ายแล้วแผนดังกล่าวก็พังไม่เป็นท่า เพราะ Nintendo ไม่เลือกใช้โมเดลธุรกิจแบบ Freemium หรือให้เล่นฟรี แต่สามารถเติมเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ในเกมได้
นักวิเคราะห์มองว่าการที่ Nintendo ไม่ยอมทำโมเดล Freemium เพราะห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองจนเกินไป (คล้ายกับการ Pay to Win หรือการพนัน) ทำให้เกม Super Mario Run และ Mario Kart Tour มีวิธีหารายได้แค่การสมัครสมาชิก กับการจ่ายเงินเพียงครั้งเดียวเพื่อซื้อรูปแบบการเล่นใหม่ๆ ซึ่งมันน้อยเกินไปในการสร้างรายได้
ค่ายอื่นยอดเพิ่ม แต่ Nintendo ยอดลดลง
ขณะเดียวกันในช่วงการระบาดของโรค COVID-19 ยอดผู้เล่นในเกมมือถือระดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมต่างเพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่กับเกมมือถือของ Nintendo ที่ลดลงอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่า นอกจากจะสร้างรายได้ไม่ได้แล้ว เกมบนมือถือของ Nintendo ยังไม่ดึงดูดเท่าที่ควร
ประกอบกับการประกาศผลประกอบการในปีปฏิทินที่สิ้นสุดเดือนมี.ค. 2563 ธุรกิจเกมมือถือ และรายได้จากค่าลิขสิทธิ์กลับทำได้เพียง 51,000 ล้านเยน ซึ่งอยู่เพียงครึ่งหนึ่งจากเป้าที่ Nintendo ตั้งไว้เท่านั้น และทางผู้รับผิดชอบพัฒนาเกมมือถือของ Nintendo ก็ออกมาบอกว่า กว่าจะเห็นเกมมือถือใหม่ออกมา คงต้องรอถึงปลายปีปฏิทินนี้
แม้เกมบนมือถือของ Nintendo อย่าง Fire Emblem Heroes จะทำผลงานออกมาได้ค่อนข้างดี ผ่านการมีตัวละครใหม่ๆ ออกมาทุกเดือน และดึงดูดให้ผู้เล่นจ่ายเงินเพื่อได้รับเนื้อหาใหม่ตลอดเวลา แต่มันคงถึงเวลาแล้วที่ Nintendo ต้องถอนตัวจากตลาดเกมมือถือ
Animal Crossing ที่ทำให้ Nintendo ตระหนัก
ทั้งนี้ในช่วงการระบาดของโรค COVID-19 เกม Animal Crossing: New Horizons บนเครื่องเกม Nintendo Switch กลับเป็นที่นิยมอย่างมาก ถึงขั้นทำให้ตัวเครื่องเกมดังกล่าวขาดตลาด และมีการปั่นราคาทั้งเครื่อง และตัวเกมอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งจุดนี้เองทำให้ Nintendo ตระหนักรู้ว่าควรกลับมาทำสิ่งที่ตัวเองถนัดเสียที
และค่อนข้างน่าสนใจว่า ความนิยมของ Animal Crossing ภาคล่าสุดจะช่วยเพิ่มความนิยมของ Animal Crossing ภาคที่ให้บริการบนโทรศัพท์มือถือหรือไม่ เพราะถึงตอนนี้การเติบโตของผู้เล่นยังทำได้ไม่เหมือนกับกรณี Square Enix ค่ายผู้พัฒนาเกมที่มีเกมชั้นนำลงขายกับเครื่องเกม และมีเกมบนมือถือที่ได้รับความนิยม
เพราะ Square Enix อาศัยการทำตลาดเกมบนเครื่องเกมต่างๆ จนได้รับความนิยม และจูงใจให้ผู้เล่นมาเล่นเกมบนมือถือของพวกเขาผ่านเนื้อเรื่อง หรือตัวละครที่มีรายละเอียดเชื่อมกัน เช่นเกม Final Fantasy ภาคต่างๆ ซึ่งก็ต้องติดตามกันว่า Nintendo จะประยุกต์ใช้กลยุทธ์นี้กับเกมมือถือหรือไม่
สรุป
ตอนที่ Nintendo ต้องการเดินหน้าในตลาดเกมมือถือ หลายฝ่ายดูตื่นเต้น และเชื่อว่ามันจะสำเร็จแน่นอน แต่สุดท้ายแล้วด้วยโมเดลธุรกิจที่ไม่อำนวย ทำให้มันกลายเป็นอีกครั้งที่ Nintendo ผิดพลาด และส่วนตัวเชื่อว่า การผิดพลาดครั้งนี้จะทำให้ Nintendo กลับมาจริงจังกับการทำตลาดเครื่อง Nintendo Switch จนหากินในตลาดนี้ได้อีกนาน
อ้างอิง // Japan Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา