การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้นั้นได้มีการสรุปเรื่องกองทุนที่จะมาทดแทน LTF ในปีหน้าแล้ว โดยมีชื่อว่า SSF ซึ่งลดหย่อนได้ไม่เกิน 2 แสนบาท ลงทุน 10 ปี
การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ได้เห็นชอบกองทุนเพื่อการออมระยะยาวรูปแบบใหม่หรือ Super Saving Fund (SSF) ที่มาทดแทน LTF ซึ่งจะหมดสิทธิประโยชน์ทางภาษีลงในสิ้นเดือนธันวาคมของปีนี้ โดยสำหรับกองทุน SSF นั้นมีเงื่อนไขคือลงทุน 10 ปี ให้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีไม่เกิน 2 แสนบาท
- รมว.คลัง และ FETCO เตรียมประชุมหารือทางออก LTF ใหม่ คาดสัปดาห์นี้ได้ข้อสรุปสุดท้าย
- เมื่อ LTF ลดหย่อนภาษีไม่ได้ FETCO หารือคลังฯ เสนอรูปแบบกองทุนใหม่แทนที่ ชูวงเงินลงทุนสูง 30%
- วิเคราะห์ทางออกหลัง LTF หมดอายุสิทธิทางภาษีปี 62 ปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไข
โดยถ้าเปรียบเทียบให้เข้าใจกับ LTF เดิม
- LTF ลงทุน 7 ปี
- สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี 3 แสนบาท
SSF ใหม่ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไป
- SSF ลงทุน 10 ปี
- สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี 2 แสนบาท
ขณะเดียวกัน คณะรัฐมนตรียังได้ปรับเกณฑ์ RMF ให้ลดหย่อนภาษีเพิ่มเป็น 30% จาก 15% ด้วย นอกจากนี้ยังยกเลิกการกำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อกองทุน RMF จากเดิมที่กำหนดให้ซื้อไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้พึงประเมิน หรือไม่น้อยกว่า 5,000 บาทต่อปี แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงน้อยสามารถซื้อกองทุน RMF ได้ โดยยังคงกำหนดให้ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี และไม่ระงับการซื้อเกิน 1 ปีติดต่อกันเช่นเดิม
โดยถ้าหากคำณวนมูลค่ารวมแล้ว สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีรวมกันทั้ง SSF และ RMF รวมไปถึงคนที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะลดหย่อนได้ไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งเท่ากับเงื่อนไขภาษีเดิม
ก่อนหน้านี้สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ของกระทรวงการคลัง เนื่องจากทั้งสองกองทุนมีวัตถุประสงค์การออมที่แตกต่างกัน โดยกองทุนใหม่ที่ทดแทน LTF นั้นควรเป็นกองทุนการออมที่เน้นการออมระยะยาวในตลาดหุ้น เพื่อการสร้างวัฒนธรรมการลงทุนในตลาดหุ้นแบบระยะยาว
นอกจากนี้ FETCO ยังมองว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้แรงจูงใจทางภาษีเข้ามาช่วย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังนิยมการลงทุนระยะสั้นๆ ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีกับนักลงทุนเองและไม่ได้เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นโดยรวมด้วย
สำหรับมุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ นั้นมองว่าความชัดเจนรูปแบบ SSF จะช่วยหนุนเม็ดเงิน LTF & RMF ไหลเข้าในช่วงเวลาที่เหลือของเดือนนี้กลับมาดีขึ้น คาดเม็ดเงินจาก LTF และ RMF ไหลเข้าตลาดเดือนนี้ราว 2 หมื่นล้านบาท และ 1 หมื่นล้านบาทตามลำดับ หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ คือ หุ้นขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นเป้าลงทุนเม็ดเงิน LTF & RMF และหุ้นปันผลดีขนาดใหญ่
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เบื้องต้นได้ประเมินเม็ดเงินลงทุนจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะลดลงไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี จากปกติเม็ดเงิน LTF เดิมเฉลี่ยประมาณ 34,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นลบต่อตลาดหุ้นในระยะยาวมากกว่าที่ประเมินไว้
ที่มา – กระทรวงการคลัง ผ่านเว็บไซต์รัฐบาลไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา