มูเกซ อัมบานี กลายเป็นมหาเศรษฐีเบอร์ 5 ของโลกไปแล้ว หลังจากกิจการของเขามีผู้สนลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น Google และ Facebook รวมไปถึง Private Equity จากสหรัฐหลายๆ ราย
Mukesh Ambani ติดอันดับ 5 มหาเศรษฐีของโลก จากการจัดอันดับของ Bloomberg เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยสินทรัพย์ของมหาเศรษฐีชาวอินเดียรายนี้ล่าสุดอยู่ที่ 77,400 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสินทรัพย์ของเขาเพิ่มขึ้นกว่า 18,800 ล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้ามหาเศรษฐีหลายๆ ราย เช่น Warren Buffett นักลงทุนชื่อดังของโลก รวมไปถึง Steve Ballmer อดีต CEO ของ Microsoft ไปแล้ว
- เมื่ออินเดียจะเป็นสนามรบใหม่ของ Facebook Google และ Amazon ผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ
- มารู้จักกับ Jio ค่ายมือถือในอินเดียที่ Facebook ลงทุน แถมเจ้าของเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเอเชีย
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาเองกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ในเอเชียทันที มีสินทรัพย์แซงหน้า Jack Ma ของ Alibaba แบบไม่เห็นฝุ่นถึง 16,900 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับสินทรัพย์หลักๆ ของ Mukesh Ambani คือเขาถือหุ้น 42% ใน Reliance Industries
Reliance Industries เป็นบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของประเทศอินเดีย โดยเจ้าของบริษัท Dhirubhai Ambani ซึ่งเป็นบิดาของ Mukesh Ambani และน้องชายของเขาคือ Anil Ambani ก่อนที่จะเกิดศึกแย่งชิงสมบัติระหว่างพี่น้อง 2 คู่นี้ เนื่องจากบิดาเสียชีวิตกระทันหันจากโรคหลอดเลือดในสมองแตก และไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้
ศึกการแย่งชิงสมบัติของพี่น้องคู่นี้ จบลงด้วยการที่แม่ของเขาได้เป็นคนแบ่งสมบัติ โดย Anil น้องชายได้กิจการเช่น ด้านการเงิน โทรคมนาคม โรงไฟฟ้า และกิจการบันเทิง ไป ขณะที่ Mukesh ได้กิจการของโรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก ซึ่งคือ Reliance Industries แต่ในปัจจุบันนั้นมีธุรกิจโทรคมนาคมและเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มเติมอย่าง Jio Platform
ปัจจุบัน Jio ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทลูกของ Reliance Industries มีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นจากผู้ลงทุนรายใหญ่ๆ เช่น Facebook และ Google เหล่า Private Equity จากสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงกองทุนความมั่งคั่งจากหลายๆ ประเทศ ลงทุนใน Jio ไปแล้วเป็นมูลค่ามากถึง 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมองว่า Jio จะเป็นโอกาสใหม่ๆ ทำให้ชาวอินเดียเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายมากขึ้น
นอกจากนี้ Jio กำลังจะกลายเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่สุดในอินเดียแล้วด้วย โดยบทวิเคราะห์จาก CLSA คาดว่า Jio จะมีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 34% ในปีนี้มากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา