ในช่วงปีนี้จะเห็นได้ว่า MUJI รุกหนักในหลายธุรกิจมากขึ้น ตั้งแต่จะทำโรงแรมจนมาถึงเปิดร้านขายผัก แต่ที่น่าสนใจคือช่วงนี้ MUJI บุกตลาดจีนหนักมากขึ้น เราเลยชวนไปอ่านบทสัมภาษณ์ของท่านประธาน MUJI ถึงกลยุทธ์การทำธุรกิจในต่างประเทศ
Brand Inside ชวนอ่านบทสัมภาษณ์ของ Satoru Matsuzaki ประธานบริษัท MUJI เกี่ยวกับกลยุทธ์ในต่างประเทศ
ดูเหมือนว่า MUJI จะเติบโตอย่างมากในประเทศจีน?
ตัวเลขร้านค้าของเราที่ไปเปิดในต่างประเทศสูงกว่าญี่ปุ่นอย่างแน่นอน แต่เราก็ต้องการเพิ่มจำนวนขึ้นอีก จากตอนนี้ที่มีอยู่ 870 แห่ง ภายในปี 2020 จะต้องมี 1,200 แห่งให้ได้ พูดถึงสาขาในต่างประเทศ ที่จริงเราเปิดสาขาไปแล้วทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศในตะวันออกกลาง อย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และบาห์เรน รวมแล้วก็ถือว่ามีร้านค้าอยู่ในกว่า 30 ประเทศ ส่วนในปี 2018 ก็หวังว่าเราจะขยายสาขาไปในเวียดนามได้สำเร็จ
สำหรับในจีน หลังจากที่เราตั้ง Flagship Store ในเมืองเฉิงตูและเซี่ยงไฮ้ได้ ก็ทำให้ชื่อเสียงของ MUJI ดีขึ้น เราเลยเพิ่มสาขาอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2008 ทำให้มีสาขาในจีนกว่า 200 แห่ง ส่วนใน 4 ปีข้างหน้า เราวางแผนไว้ว่จะเพิ่มอีก 30 แห่ง และจะรีโนเวทร้านเดิมอีกประมาณ 20 แห่ง
แผนการรีโนเวทร้านค้าในจีน? จะทำอะไรบ้าง?
ปกติร้านของเราที่ไปตั้งจะมีขนาดประมาณ 700 ตารางเมตร เลยคิดว่าน่าจะขยายให้เพิ่มขึ้นอีกได้ เพราะจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น จริงๆ เป็นไปตามกฎระเบียบที่ระบุไว้ว่า ร้านค้าจากญี่ปุ่นที่ไปขายในจีนจะมีสินค้าในร้านได้เพียง 4,000 แต่เราคิดว่าเราน่าจะขยายพื้นที่และนำเอาเฟอร์นิเจอร์กับสินค้าพวกเครื่องสำอางไปลงให้มากขึ้น ตอนนี้ในจีนก็กำลังนิยมเครื่องสำอางคุณภาพสูงจากญี่ปุ่นอยู่ด้วย
เห็นว่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จำนวนร้านค้าในต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นสูงมาก แต่ทำไมรายได้ถึงลดลงตั้ง 8% เหลือ 142 ล้านเยน มันเกิดอะไรขึ้น?
นั่นก็เป็นเพราะว่าค่าเงินเยนที่แข็งตัวขึ้น แต่จริงๆ ยอดขายในจีนดีมาก ตอนที่เราส่งสินค้าไปยังสาขาในต่างประเทศ แล้วค่าเงินเยนแข็งตัวขึ้น ทำให้สินค้ามีราคาที่ถูกลง ก็ถือเป็นการช่วยทำให้คู่ค้าในประเทศนั้นๆ มีกำไรมากขึ้น ทีนี้ถ้ามองที่บัญชีของ MUJI กันให้ดีแล้ว จะเห็นว่าค่าเงินเยนที่แข็งตัวขึ้นไม่ได้สร้างปัญหาให้เราเท่านั้น
เอาเข้าจริง ค่าเงินระหว่างประเทศที่ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ได้ส่งผลกับเรามาก เพราะเราได้ทำสัญญาซื้อขายเงินต่างประเทศระยะยาวไว้แล้วถึง 3 ปี นั่นหมายความว่า ต่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน แต่ก็จะไม่กระทบกับเรามากนัก แต่ที่แน่ๆ คือเราต้องลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์และศูนย์โลจิสติกส์เพิ่มอีก เพราะจะทำให้เรามีกำไรมากขึ้น
อยากให้พูดเรื่องการขยายเชนไปต่างประเทศสักนิด ว่ามีการทำตลาดในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกันอย่างไร?
เอาจริงๆ จนถึงตอนนี้เราก็ขายสินค้าเหมือนกันทั่วโลก ไม่ว่าจะที่ไหนก็เหมือนกันหมด แต่ในอนาคต เรารู้ดีว่าเราต้องเลือกสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการและวิถีชีวิตของคนในภูมิภาคนั้น อย่างเช่น ขวดน้ำของ MUJI ที่ขายในญี่ปุ่นมีขนาดเล็กเกินไปเมื่อเอาไปขายในจีน หรือหม้อหุงข้าวก็เจอปัญหาทำนองนี้เช่นกัน ในส่วนนี้เราก็กำลังพัฒนาอยู่
เห็นว่า MUJI กำลังจะทำธุรกิจโรงแรมในจีน แล้วสินค้าทั้งหมดก็เป็น MUJI ทั้งหมดด้วย?
ใช่ แต่การทำธุรกิจโรงแรมท่องเที่ยวนี้ เราไม่ได้ดำเนินการเองทั้งหมด เราจะไปร่วมมือกับบริษัทที่มีทีมที่เข้าใจคุณค่าของ MUJI ส่วนค่าบริการของโรงแรมก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ สำหรับในจีนเราจะเปิดให้บริการที่ปักกิ่งและเซินเจิ้นในปี 2019 ส่วนโรงแรมของ MUJI แห่งแรกจะเปิดในย่าน Ginza ของญี่ปุ่น
ที่มา – Nikkei Asian Review
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา