ผลสำรวจออกมาดีตามคาด! หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติทำผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐ ในปี พ.ศ. 2565 คนส่วนใหญ่พึงพอใจ ไม่ประสบปัญหาในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ
เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐ พ.ศ. 2565 ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
การสำรวจนี้ดำเนินการโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ซึ่งสำรวจประชาชนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นใน ทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 6,970 คน ระหว่างวันที่ 17-31 ต.ค. 65
ผลการสำรวจความคิดเห็นสรุปได้โดยสาระสำคัญดังนี้
- การใช้บริการสวัสดิการของรัฐด้านคุณภาพชีวิต เช่น เบี้ยยังชีพเด็กแรกเกิด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยยังชีพคนพิการ พบว่า ประชาชนมากกว่าร้อยละ 97.0 ระบุว่าไม่มีปัญหาการใช้บริการ และพบว่าน้อยกว่าร้อยละ 3.0 มีปัญหา เช่น เงินไม่เพียงพอ ลำบากในการต้องไปถอนเงิน และเงินเข้าช้า
- สวัสดิการของรัฐด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน “เรียนฟรีถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3” สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของครัวเรือน พบว่า ประชาชน (ร้อยละ 80.6) ระบุว่าสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก-มากที่สุด และ (ร้อยละ 3.2) ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้น้อย-น้อยที่สุด/ไม่ช่วยเลย
- การใช้บริการของรัฐด้านการรักษาพยาบาล ได้แก่ สิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม และสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พบว่า ประชาชนมากกว่าร้อยละ 97.0 ระบุว่าไม่มีปัญหาในการใช้บริการ และน้อยกว่า ร้อยละ 2.0 มีปัญหา เช่น การบริการล่าช้ารอคิวนาน และต้องใช้บริการเฉพาะโรงพยาบาลตามสิทธิเท่านั้น
- ความพึงพอใจในการใช้บริการด้านการรักษาพยาบาล ดังนี้
- ประเภทสถานพยาบาล พบว่า ประชาชนที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลเอกชน ร้อยละ 76.8 มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด และร้อยละ 1.0 มีความพึงพอใจน้อย-น้อยที่สุด ส่วนประชาชนที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของรัฐร้อยละ 70.4 มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด และร้อยละ 3.6 มีความพึงพอใจน้อย-น้อยที่สุด
- สิทธิการรักษาพยาบาล พบว่า ประชาชนที่ใช้สิทธิประกันสุขภาพ/ประกันชีวิตร้อยละ 86.5 มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด รองลงมา คือ สิทธิสวัสดิการข้าราชการ จ่ายเงินเอง สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และสิทธิกองทุนประกันสังคมตามลำดับ
5. สวัสดิการที่ประชาชนต้องการให้รัฐจัดเพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับครัวเรือนที่เลี้ยงดูบิดา/มารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป (ประชาชนร้อยละ 93.5) จัดสวัสดิการศูนย์เด็กเล็ก/ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในหน่วยงาน/ใกล้สถานที่ทำงาน (ประชาชนร้อยละ 87.6) และจัดสวัสดิการขนส่งสาธารณะฟรีให้กับเด็ก/เยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี (ประชาชนร้อยละ 85.9)
6. การจัดเก็บภาษีผู้ที่มีรายได้เพื่อนำมาจัดสวัสดิการให้ครอบคลุมทุกช่วงวัย พบว่า ประชาชนร้อยละ 44.6 ยินยอมให้จัดเก็บได้ โดยให้เหตุผลว่า (1) เพื่อให้ได้สวัสดิการที่ครอบคลุมและทั่วถึง (2) ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และ (3) ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในสังคม และประชาชนร้อยละ 37.5 ไม่ยินยอมให้จัดเก็บโดยให้เหตุผลว่า (1) ไม่มีเงินเพียงพอที่จะเสียภาษี (2) กลัวจัดสวัสดิการให้ประชาชนได้ไม่ทั่วถึง และ (3) ไม่มีหลักเกณฑ์/กฎหมายที่แน่นอนที่จะรับประกันการจัดสวัสดิการให้
7. การลงทะเบียนโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 พบว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐร้อยละ 84.2 ไม่ประสบปัญหาในการลงทะเบียน ขณะที่ประชาชนร้อยละ 15.8 ประสบปัญหาในการลงทะเบียน ได้แก่ รอคิวลงทะเบียนกับหน่วยงานนาน เว็บไซต์ขัดข้อง/ล่ม และเดินทางไปหน่วยงานที่รับลงทะเบียนไม่สะดวก/อยู่ในพื้นที่ห่างไกล
ในการสำรวจยังสรุปเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 5 เรื่อง ดังนี้
- ควรจัดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อรองรับผู้สูงอายุที่มากขึ้น และลดการถูกทอดทิ้งให้อยู่ลำพัง พร้อมทั้งจัดให้มีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตต่างๆ
2. ส่งเสริม/สนับสนุนให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาขึ้น ให้สามารถเข้าถึงการบริการช่องทางต่างๆ ของทุกหน่วยงานอย่างสะดวก รวมถึงการทำให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยออนไลน์
- สร้างความเชื่อมั่นในการรักษาพยาบาลให้กับประชาชนในการใช้สิทธิการรักษาพยาบาลทุกประเภทให้มีความเท่าเทียม ทั่วถึง และครอบคลุมในทุกพื้นที่ เช่น คุณภาพยา บริการและความสะดวกรวดเร็ว
4. สนับสนุนให้มีสวัสดิการเรียนฟรีในทุกระดับ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือน และทุกคนสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม
5. ส่งเสริม/สนับสนุนสวัสดิการในเรื่องคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนเพิ่มเติม เช่น ค่าใช้จ่ายให้กับครัวเรือนที่เลี้ยงดูบิดา/มารดา ที่มีอายุ 60 ปีขึ้น ไปจัดศูนย์เด็กเล็ก/พัฒนาเด็กเล็กใกล้สถานที่ทำงาน และจัดบริการขนส่งสาธารณะฟรีให้เด็ก/เยาวชน
ที่มา – รัฐบาล
อ่านเพิ่มเติม
- เจาะงบประมาณ ปี 66 กระทรวงกลาโหม 1.97 แสนล้านบาท ใช้ทำอะไร? ไปอยู่ตรงไหนบ้าง?
- สำนักนายก เปย์งบโฆษณาอันดับ 9 ติด Top 10 บริษัทไทยที่จ่ายเงินโฆษณามากที่สุด อัพเดทเดือนสิงหาคม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา