มาแรงเหลือเกิน MINISO ค้าปลีกสัญชาติจีน ที่ตั้งเป้าเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าคุณภาพดีในระดับราคาที่สัมผัสได้กำลังขยายสาขากว่า 4,200 แห่ง กว่า 80 ประเทศทั่วโลก เติบโตขึ้นมากท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า MINISO ลอกเลียนแบบมาจากค้าปลีกสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Uniqlo และ Muji ที่เรียกได้ว่า มาทีหลังแต่เติบโตเร็วกว่ามาก
MINISO แบรนด์สัญชาติจีน แรงบันดาลใจจากแบรนด์ญี่ปุ่นแท้ๆ
MINISO นี้ยอมรับอย่างเปิดเผยว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์สัญชาติญี่ปุ่น โดยตั้งเป้าเสนอสินค้าในครัวเรือน เครื่องสำอางค์ อาหาร คุณภาพดีแต่ราคาจับต้องได้ โดย Ye Guofu ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ MINISO ระบุว่า ขณะที่เขากับครอบครัวเดินทางมาพักผ่อนในญี่ปุ่นเมื่อปี 2013 เขาก็พบว่าค้าปลีกสัญชาติญี่ปุ่นนั้น มีสินค้าที่คุณภาพดี ออกแบบดี และมีราคาไม่แพง แถมส่วนใหญ่ผลิตจากจีน
Ye Guofu นำสิ่งที่ได้เห็น นำความรู้และประสบการณ์มาปรับใช้ จนในที่สุดก็มี MINISO สำนักงานใหญ่ได้ในกวางโจว จีน เพื่อสร้างแบรนด์ที่ตอบโจทย์ความต้องการคนหนุ่มสาวได้ทั่วโลก ใช้เวลาเพียง 7 ปี MINISO เปิดหน้าร้านไปแล้วกว่า 4,200 แห่ง กว่า 80 ประเทศทั่วโลก ซึ่งก็มีทั้งในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย และเม็กซิโก
ทั้งนี้ มูลค่าตามตลาดของ MINISO ช่วงวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ราวๆ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.18 แสนล้านบาท มูลค่า IPO สูงขึ้นราวๆ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.87 หมื่นล้านบาท โดย MINISO มีแผนว่าจะใช้จ่ายไปกับการเปิดร้านใหม่และพัฒนาระบบช่วงหลังโควิดระบาด
MINISO ถือเป็นค้าปลีกราคาย่อมเยาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีน สินค้าหลายชิ้นมีราคาราว 10 หยวน หรือ 1.50 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 46.77 บาท มีพนักงานประจำราว 3,000 คน MINISO แห่งแรกเกิดขึ้นที่เมืองกวางโจวในปี 2013 จากนั้น สิงหาคม ปี 2018 ก็มีสาขาอยู่ในต่างประเทศกว่า 1,000 แห่ง ต่อจากนั้น Tencent และบริษัทอื่นๆ ก็มาลงทุนราว 1 พันล้านหยวนหรือประมาณ 4.6 พันล้านบาท ต่อมา MINISO ก็ปล่อยสินค้าที่จับมือผลิตกับ Disney ในเดือนธันวาคม 2019 ขณะที่ปีนี้ Tencent ถือหุ้นราว 4.8%
กว่า 10,000 แนวคิดพัฒนาเป็นสินค้า 100 ชิ้นต่อสัปดาห์
ภายใน MINISO มีสินค้าขายราว 8,000 ชิ้น 11 ประเภท มีทั้งเครื่องเขียน ของเล่น เครื่องสำอางค์ ขนมหวาน สินค้าที่หลากหลายในราคาที่ไม่แพง ราว 95% มีราคาต่ำกว่า 50 หยวนหรือประมาณ 200 กว่าบาท MINISO มีนโยบายในการพัฒนาการผลิตสินค้าโดยทุกๆ สัปดาห์ จะมีการพัฒนาแนวคิดและคัดมาราวๆ 10,000 แนวคิดเพื่อพัฒนาสินค้าให้ได้ราว 100 ชิ้น นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับแบรนด์ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Disney และ Hello Kitty ที่ดึงดูดลูกค้าวัยหนุ่มสาวได้ดี กว่า 60% เป็นกลุ่มลูกค้าอยู่ในวัยต่ำกว่า 30 ปี
การไปเยือนญี่ปุ่นบ่อยครั้งของ Ye ซีอีโอ MINISO ทำให้เขาค่อยๆ พัฒนาไอเดียได้จากสินค้าที่เขาเห็นบ่อยๆ จากร้านที่เขาได้ผ่านไปเห็น
MINISO ขยับขยายอย่างรวดเร็ว ช่วงปลายเดือนมิถุนายน มีสาขาราว 2,533 แห่งในจีน และ 1,689 แห่งในต่างประเทศซึ่งก็มีญี่ปุ่นอยู่ในนั้นด้วย 7 ปีให้หลัง MINISO กลายเป็นอีกร้านหนึ่งที่มีสินค้าจำหน่ายหลากหลายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป้าหมายของ Ye คือต้องการจะขยายร้านให้มากถึงหมื่นแห่ง
อย่างไรก็ดี MINISO ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดเช่นกัน ยอดขายนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาลดลง 4.5% หรือประมาณ 8.9 พันล้านหยวน หรือประมาณ 4.14 หมื่นล้านบาทเพราะร้านต้องปิดชั่วคราวในช่วงที่มีโควิดระบาดหนัก
นอกจากนี้ MINISO ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน เช่น เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมามีการวิจารณ์ว่า ยาทาเล็บที่จัดจำหน่ายมีสารก่อมะเร็งด้วย แถมยังมีในปริมาณที่มากกว่าที่กฎหมายกำหนดถึง 1,400 เท่า นอกจากนี้ สื่อจีนยังรายงานว่า MINISO มีคดีความเกี่ยวกับลิขสิทธิ์กว่า 10 เรื่อง
อีกทั้งประเด็นที่ยังเป็นคำถามเกี่ยวกับการเริ่มต้นก่อตั้งของ MINISO ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ เนื่องจากเว็บไซต์ MINISO ของญี่ปุ่นก็ระบุว่า ก่อตั้งโดย Ye และดีไซเนอร์ญี่ปุ่นที่ชื่อ Junya Miyake ซึ่งขัดแย้งกับเว็บไซต์เวอร์ชันจีน
ที่มา – Nikkei Asia, MINISO
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา