Makro ผนึกกำลัง Lotus’s ตั้งเป้าเป็นที่ 1 ของเอเชีย พร้อมเปิดราคาหุ้น PO ที่ 43.50 บาท

แม็คโคร-โลตัส เปิดยุทธศาสตร์ omni-channel (O2O) ผสานค้าส่ง (B2B) และค้าปลีก (B2C) สู่การเติบโตระดับภูมิภาค เดินหน้าเสนอขายหุ้น PO หลัง ก.ล.ต. อนุมัติไฟลิ่ง พร้อมเปิดราคาเสนอขายและวันจองซื้อที่ 43.50 บาท สามารถจองซื้อผ่านตัวแทนรับจองซื้อหุ้นผ่าน Mobile Banking Application และผ่านสาขาทั่วประเทศของธนาคารกรุงเทพและธนาคารไทยพาณิชย์

makro x lotus's

Makro x Lotus’s ตั้งเป้าเป็นที่ 1 ของเอเชีย

สุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร ระบุว่า จากการที่แม็คโคร ผู้นำธุรกิจค้าส่ง รวมกับโลตัส ผู้นำธุรกิจค้าปลีก ตั้งเป้าเติบโตเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคเอเชีย สถานะของเรา เรามีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ทั้งลูกค้าผู้ประกอบการและผู้บริโภค เรามีร้านค้าหลายรูปแบบ เรามีระบบนิเวศสำหรับออนไลน์ เราเป็นผู้นำออนไลน์อาหารส่งและสินค้าอุปโภคบริโภค เราจัดหาแหล่งสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มที่กล่าวมา เราจะทำงานร่วมกันให้ดียิ่งขึ้น รวมกันแล้วเราจะลดความซับซ้อนได้หลายด้าน เราจะสร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาสทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งลูกค้า คู่ค้า พนักงาน และนักลงทุนด้วยกัน

makro lotus's

รูปแบบธุรกิจ 3 รูปแบบ มีทั้งค้าส่งที่เป็นแม็คโครในไทยอยู่มานาน 32 ปีแล้ว ค้าปลีกคือโลตัสและพื้นที่ให้เช่าอยู่ในห้างขนาดใหญ่ในโลตัส เมื่อรวมยอดขายกันได้มากถึง 4.27 แสนล้านบาท

ตั้งเป้าขยายธุรกิจแบบ O2O คือออนไลน์กับออฟไลน์ คือการใช้ระบบออนไลน์เข้ามาช่วย นอกจากนี้จะปรับแบรนดิ้งปรับสโตร์ให้ทันสมัยตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น และมีโอกาสที่จะเติบโตไปยังต่างประเทศด้วย

makro x lotus

โอกาสในต่างประเทศยังมีอีกมาก โดยเฉพาะชาติที่มีธุรกิจอุปโภคบริโภคที่ไม่ค่อยทันสมัย

สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่ในต่างประเทศนั้น ถ้าดูในอินเดียมีเพียง 10% เท่านั้น ในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียจะมีธุรกิจที่เป็นสมัยใหม่ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคค่อนข้างน้อย ถือเป็นโอกาสที่ธุรกิจเราจะขยายตัวในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มากถึง 3.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ กำลังเร่งศึกษาอยู่ว่าจะเติบโตทางใดได้บ้าง

นี่ไม่ใช่การเติบโตเพียงลำพัง แต่จะเอาผู้ประกอบการไทยที่สามารถนำสินค้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศได้ เช่น SME ทางบริษัทจะเป็นช่องทางที่ช่วยขยายในโอกาสส่วนนี้ให้และจะเป็นตัวเชื่อมโยงสู่สถาบันการเงินเพื่อให้ไปเติบโตด้วยกันในต่างประเทศได้

สมพงษ์ รุ่งนิรัตศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย ระบุว่า อยากฉายภาพให้เห็น 4 ภาพด้วยกัน ทุกคนรู้จักแบรนด์โลตัสอยู่แล้ว เราแข็งแกร่งมากในธุรกิจ B2C ร้านค้าของเรามีมากกว่า 2,000 สาขาแล้ว มีทั้งในไทยและมาเลเซีย มีโอกาสที่จะทำให้เครือข่ายร้านค้ายังเติบโตต่อเนื่องได้อีก สิ่งที่สำคัญคือการปรับปรุงแบรนด์ให้ทันสมัยมากขึ้น เรากำลังอยู่ในช่วงระหว่างเปลี่ยนแบรนด์จาก Tesco Lotus เป็น Lotus’s

มีคนถามเยอะมากว่า Lotus’s มันคือเครื่องหมาย Dot pin บวกกับตัวเอส S ที่ S หมายถึง Smart ส่วน Dot pin คือ destination เพราะฉะนั้น เราต้องการสร้างโลตัสยุคใหม่ให้เป็นจุดหมายของความสมาร์ท ความสมาร์ทในการชอปปิง ความสมาร์ทในการจับจ่ายใช้สอย นี่คือปรัชญาของเรา และการปรับ positioning ของเราเรียกว่า Lotus Go fresh

Lotus's

เป็นการต่อยอดแบบ Omni-channel มากขึ้น เป็น smart shopping experience คือนำ digital technology เข้ามาปรับใช้ เราต้องการเอาแบรนด์ไปปักธงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบอกได้ว่านี่คือแบรนด์ของคนไทย เติบโตจากผู้เล่นในระดับประเทศเป็นระดับภูมิภาค ส่วนหนึ่งที่เป็นการเติบโตของร้านค้าที่เป็นอันดับแรก อีกมุมหนึ่งคือการเติบโตของธุรกิจศูนย์ร้านค้า โลตัสร้านใหญ่มาพร้อมกับศูนย์การค้าเสมอ ทั้งในไทยและมาเลเซียเรามีพื้นที่ให้เช่ามากกว่า 1 ล้านตารางเมตร ของไทยนี่คือ 7 แสนกว่า

เรายังเป็นผู้จัดการและบริหารกองทุน LPF ด้วย ซึ่งมีร้านอยู่ในนั้นอีก 23 ร้าน พื้นที่กว่า 3 แสนตารางเมตร โลตัสถือหุ้น 25% การเติบโตของศูนย์การค้าทำให้ธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตสมบูรณ์มากขึ้น ทำให้เป็น smart community center แทนที่จะเป็นแค่ร้านค้า มีมุมมอง emotional เพิ่มจาก functional ของการ shopping และเป็นการต่อยอดที่สำคัญที่ ไม่ใช่แค่ต่อยอดในไทยแต่ยังต่อยอดในภูมิภาคและต่างประเทศที่จะขยายตัวไปข้างหน้าด้วย

โลตัสส์

รูปแบบมีทั้งใหญ่ กลาง เล็ก มีการออกแบบให้เหมาะสม เวลาเราบอกว่าโลตัสทำธุรกิจการค้า เราไม่ได้ทำธุรกิจการค้าขนาดใหญ่ แต่ทำธุรกิจศูนย์การค้าให้เหมาะกับชุมชน สามารถใช้ให้เป็นที่ทานอาหารเพื่อพบปะสังสรรค์ พบปะเพื่อน กระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ เวลาเกิดปัญหาที่ใดที่หนึ่งจะไม่มีปัญหาภาพรวม ตรงไหนที่เติบโตได้เร็วก็สามารถจัดการได้เร็วขึ้นด้วย

โลตัสส์ Lotus's

มีคนถามเยอะมากว่าปรับตัวช่วงโควิดอย่างไร เราปรับตัวตลอด เรารู้ว่าลูกค้าชอปใกล้บ้าน ชอบอาหารสด ชอปออนไลน์ ช่วงโควิด เราปรับโฟกัสให้ร้านเราเน้นอาหารมากขึ้น ใกล้ชุมชนมากขึ้นที่เราเรียกว่า supermarket ที่เรียกว่า go fresh มากขึ้น เราเปิดร้านค้าช่วงโควิดเกือบ 200 แห่งเพื่อช่วยให้เข้าใกล้ชุมชน

ศูนย์การค้า เรายังช่วยลดค่าเช่าให้ลูกค้าอย่างเหมาะสมในช่วงโควิดด้วย ช่วงนี้ คู่ค้าของเราก็กลับมาฟื้นตัวมากขึ้น ช่วงโควิดอัตราการเช่าพื้นที่ลดลงมากถึง 83% ตอนนี้เริ่มกลับเข้ามาที่ 90% ภายในปีหน้าน่าจะกลับมาได้มากขึ้นที่ 95% เป็นอัตราเดิมก่อนที่จะเกิดโควิด เราพยายามใกล้ชิดลูกค้าและตอบโจทย์เขามากขึ้น

makro x Lotus's

รวมทั้งการผนึกกำลังกับแม็คโคร แม็คโครกับโลตัสคือคู่สร้างคู่สม คือบุญเสมอกัน แม็คโครเกิดในตลาด 30 ปี โลตัสเติบโต 28-29 ปี ทุกคนบริการในภาคที่ถนัด แม็คโครเติบโตใน B2B โลตัสเติบโตใน B2C เอาแกร่งกับแกร่งมารวมกัน เรายิ่งแกร่งมาก เมื่อเรารวมกันแล้วสามารถสนับสนุนผู้ประกอบการไทยโดยใช้ศักยภาพที่เรามีอยู่ เป็นการสร้างเครือข่ายซัพพลายเชนที่แข็งแกร่งมาก เราพร้อมใช้ศักยภาพตัวนี้ช่วยเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อยลดต้นทุนและได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งหมด ลูกค้าก็ได้ประโยชน์

หน้าร้านไม่เหมือนกัน โฟกัสคนละกลุ่ม แต่หลังร้านมีอะไรเหมือนกันหลายอย่าง การผนึกกันทั้งแพลตฟอร์มไอที หน้าร้านและโลจิสติสก์ช่วยสร้างประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น แม็คโครกับโลตัสรวมกันทำให้เราเห็นลูกค้าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ตั้งแต่ผู้ประกอบการจนถึงลูกค้าคนสุดท้าย ทำให้พัฒนาสินค้าออกมาได้ถูกต้องและถูกใจลูกค้ามากขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์การเติบโตให้เป็น smart retail, ให้เหมาะสมกับชุมชนเป็น smart communicity center การฟื้นตัวควบคู่กับเศรษฐกิจไทย และผนึกกำลังทำให้เราแข็งแกร่งได้มากกว่าเดิม

Makro B2B x Lotus's B2C

เทรนด์สำคัญตอนนี้ ชอปปิงออนไลน์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งแม็คโครและโลตัสกำลังมุ่งหน้าพัฒนา O2O ให้มากขึ้น ธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โลตัส เอเชีย-แปซิฟิก (ยกเว้นจีน) ระบุว่า ธุรกิจออนไลน์ของเราทั้งแม็คโครและโลตัสมันกำลังสร้างบนกองกำลังที่แข็งแกร่งที่มีอยู่แล้วในออฟไลน์คือใช้กำลังสาขาและกำลังจากซัพพลายเชน

จากภาพด้านซ้ายที่เป็นสีแดง Makro การทำธุรกิจแบบ B2B ทางแม็คโครให้บริการ 3 ช่องทางหลัก

  1. ผ่านแอปพลิเคชันหรือ makro click
  2. กองกำลัง telesale ก็สั่งได้
  3. ข้างหลังระบบนี้มี key account กว่าพันคน วันนี้กว่า 100 สาขาของแม็คโครเป็นจุดที่ส่งของถึงมือลูกค้าสามารถรับสินค้าภายในระยะเวลาอันสั้นตามที่กำหนดเวลาไว้

สำหรับด้านขวาคือโลตัส ขายแบบ B2C ให้บริการผ่าน 2 ช่องทางหลัก

  1. ระบบโลตัสเองคือ โลตัสเว็บไซต์และในชอปปิงออนไลน์และเป็นพาร์ทเนอร์กับในตลาดแทบทุกเจ้า
  2. ในส่วนของแพลตฟอร์มโลตัสใช้แพลตฟอร์มกว่า 90 ตัวในการส่งสินค้าออกไปถึงมือลูกค้า

Makro Lotus's Growth

ธุรกิจที่เป็นออฟไลน์หนักๆ แบบเราในช่วง 9 เดือนที่เผชิญกับโควิดที่ผ่านมา มีการเติบโต ธุรกิจออนไลน์ของ Makro และ Lotus’s รวมกัน เฉพาะ 9 เดือนแรกของปี 2021 นี้โตเกือบ 2.2 หมื่นล้านบาท เติบโตจาก 9 เดือนแรกของปีที่แล้วคิดเป็น 60% ซึ่งโตไม่ถึง 1.4 หมื่นล้านบาทเติบโตแข็งแกร่งมาก

  • แม็คโครก้อนใหญ่ เติบโต 50% จาก 1.2 หมื่นล้านบาท เป็น 1.8 หมื่นล้านบาท
  • โลตัสรวมทั้งไทยและมาเลเซียเติบโต +142% ถ้าดูเฉพาะในไทยเติบโตมากเกือบ 3 เท่าในช่วง 9 เดือนขึ้นมาถึง 267%

Makro-Lotus's only fresh food

Makro x Lotus’s จะเจาะตลาดออนไลน์อย่างไร? (Digital Strategy)

ธรินทร์ ระบุว่า ธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งในออฟไลน์พอหันมาใช้ออนไลน์ก็แข็งแกร่งขึ้นมาก สิ่งที่เป็นจุดแข็งของเราคือของสดหรือเรียกว่า Fresh กับ Grocery ตลาดในเกาหลีใต้ ของสดซื้อออนไลน์กันหมดแล้วราว 1 ใน 4 หรือประมาณ 23.9% ของไทยเพิ่งไปได้ 2%

เรารู้ว่าตลาดของสดมาแน่ จากฐานข้อมูลตรงนี้และกว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศที่ทั้งสองผนึกกำลังกัน แม็คโครกับโลตัสเมื่อรวมตัวกันก็ทำให้เรามั่นใจที่จะลงทุนด้านออนไลน์มากขึ้น ภายในไตรมาส 1 ปี 2565 แม็คโครจะ launch B2B market place หมายความว่า จะมีทั้งแม็คโครและผู้ค้ารายใหญ่หลายๆ ราย เข้ามาอยู่ในตลาด market place b2b ร่วมกันเพื่อขายของ online ให้กับ segment ที่เติบโตสูงมากคือ B2B purchase online นี่น่าจะเป็นตลาด b2b market place แห่งแรกที่มี scale ขนาดนี้ในไทย

สำหรับ Lotus’s จะมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ จะมีการออกแอปพลิเคชันใหม่ของโลตัส ทั้งขายออนไลน์และรวบรวมกลุ่มเพื่อตอบลูกค้าสัมพันธ์หรือ club card มาอยู่ในแอปเดียว จะเป็นฐานลูกค้าของเราทั้งหมดด้วย ก่อนหน้านี้เราให้กว่า 90 สาขาในการส่งสินค้า แอปนี้จะทำให้เราใช้สาขากว่า 2,000 ที่เป็นตัวใหญ่และเกือบ 2,000 แห่งที่เป็นตัวเล็กสามารถส่งของภายใน 1 ชั่วโมงให้ลูกค้าได้

สิ่งที่เราทำหลังจากนี้ จะเป็นการนำพาคู่ค้า พันธมิตรของเราขึ้นระบบด้วย เราจะสร้างแพลตฟอร์มเพื่อนำพาฐานลูกค้าของแม็คโครที่จะขึ้นขายออนไลน์และฐานลูกค้าที่เป็นผู้เช่าของโลตัสขึ้นมาขายบนแพลตฟอร์มตรงนี้ร่วมกับเราด้วย เราเรียกว่า B2B2C ecosystem ซึ่งจะมาภายในไตรมาส 2 ของปี 2565 เราตั้งเป้าว่าจากฐานออนไลน์รวมกับสามสิ่งที่เราจะทำ ภายใน 3 ปี ยอดขายของทั้งสองแห่งอย่างน้อยๆ จะมาจากธุรกิจออนไลน์ราว 15-20%

Makro Lotus's

เสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร สายงาน Group Shared Service พูดถึงผลประกอบการแม็คโครก่อนรวมกับโลตัส ในปี 2020 ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเติบโตลดลง -6% แต่แม็คโครเติบโต ถัวเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังคือเติบโต 9% ในสิบปีที่ผ่านมาเป็นหลักประกันว่าเราจะเติบโตต่อไป คาดว่ารวมตัวกันแล้วจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา โควิดกระทบหนักกว่าปี 2020 แต่ก็ยังเติบโตถึง 2.7% ปิดยอดรายได้ที่ 1.66 แสนล้านบาท ส่วน EBITDA เติบโตในสัดส่วนเดิมแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพื่อป้องกันให้พนักงาน ลูกค้าปลอดภัย ให้ขนส่งสินค้าไม่สะดุด แต่ก็ยังรักษากำไรสุทธิเติบโตถึง 4% ในปี 2020 งบเสมือนเมื่อรวมโลตัสยอดรายได้เติบโตเกือบ 100% ถือว่าเติบโตมากกว่าก้าวกระโดด เติบโตจาก 2.18 แสนล้านบาทเติบโตเป็นเกือบ 4.3 แสนล้านบาท เติบโตมากกว่าก้าวกระโดด

ปี 2021 ผลกระทบโควิดรุนแรง แต่การเติบโตของเราที่รวมตัวกันไม่ได้แตกต่างจากเดิม โลตัสเป็นธุรกิจที่ทำกำไรขั้นต้นได้ดีเพราะมีสินค้าหลากหลายกว่าแม็คโคร เมื่อรวมโลตัส EBITDA เติบโตมากกว่าเดิมมากกว่า 2 เท่าจาก 1.2 หมื่นล้านบาทเป็น 3.4 หมื่นล้านบาท อนาคตถือเป็นการรวมตัวของสองตัวที่แข็งแกร่งทั้งคู่ ความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินที่ไม่ได้แตกต่างกันเลย

Makro x Lotus's PO

พิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ระบุว่า ผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO สาารถจองซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking และแอปพลิเคลชัน SCB Easy โดยสามารถจองซื้อตามสิทธิที่ได้รับจัดสรร เกินกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรร (ไม่กำหนดจำนวนจองซื้อสูงสุด) น้อยกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรรได้ หากผู้จองซื้อได้รับการจัดสรรไม่คบตามจำนวนที่จองซื้อ จะมีการคืนเงินให้แก่ผู้จองซื้อี่ได้รับจัดสรรไม่ครบตามจำนวนที่จองซื้อ

อัตราส่วนการใช้สิทธิจองหุ้นสามัญของ MAKRO

  1. ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO ในอัตราส่วน 10 หุ้นสามัญของ MAKRO ต่อ 1หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย
  2. ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPALL ในอัตราส่วน 15 หุ้นสามัญของ CPALL ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย
  3. ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPF ในอัตราส่วน 70 หุ้นสามัญของ CPF ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย

โดยการจัดสรรจะดำเนินการโดยระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด (SETTRADE) โดยจะจัดสรรหุ้นตามสิทธิที่ได้รับแก่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายที่จองซื้อในรอบแรก และหากยังมีหุ้นเหลือจากการจัดสรรตามสิทธิ ในรอบถัดไปจะนำสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิมของทั้ง 3 บริษัทที่แสดงความจำนงจองซื้อเกินกว่าสิทธิมารวมกัน และจะจัดสรรเพิ่มแก่ผู้ถือหุ้นเดิม จนกว่าหุ้นจะหมดหรือครบตามจำนวน

วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) การเสนอขายหุ้น PO ครั้งนี้มีจำนวนไม่เกิน 1,300 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 910 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด หรือ CPH และบริษัท ซีพี เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด หรือ CPM จำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 390 ล้านหุ้น

รวมทั้งอาจพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment share หรือกรีนชู) จำนวนไม่เกิน 130 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายแก่ประชาชนครั้งนี้ โดยแม็คโครจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจในไทยและต่างประเทศ ชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงินบางส่วน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจต่อไป กำหนดราคาเสนอขายหุ้น PO ที่ 43.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมไม่เกิน 62,205 ล้านบาท (รวมมูลค่าของหุ้นส่วนเกิน) เปิดให้ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO, CPALL และ CPF ได้รับสิทธิ และนักลงทุนรายย่อยได้จองซื้อระหว่างวันที่ 4-9 ธันวาคมนี้

ที่มา – MT Multimedia

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา