ลอรีอัล กรุ๊ป เผยผลประกอบการทั่วโลกปีที่ผ่านมา เติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 20 ปีที่ 11% ยอดขายอยู่ที่ 4.118 หมื่นล้านยูโรหรือราว 1.6 ล้านล้านบาท นับว่าเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักต่อเนื่องกัน 3 ปี
ส่วน ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นตลาดหลักของภูมิภาค SAPMENA ซึ่งรวมเอเชียแปซิฟิกใต้ (SAP) ตะวันออกกลาง (ME) และแอฟริกาเหนือ (NA) และยังคงมีอัตราการเติบโตสองหลักอย่างต่อเนื่องในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของภูมิภาคที่อยู่ที่ 23.2%
ลอรีอัลเผยว่า ในปี 2023 ที่ผ่านมา ตลาดความงามทั่วโลกยังเติบโตต่อเนื่องที่ 8% เติบโตมากกว่าในช่วงหลังโควิด-19 ส่งสัญญาณบวกว่าในปีนี้ตลาดจะคึกคัก ส่วนภาพรวมตลาดความงามและ Personal Care ของประเทศไทยเติบโตอยู่ที่ 12% มีมูลค่าอยู่ที่ 2.27 หมื่นล้านบาท เมื่อดูเฉพาะส่วนความงาม มีสัดส่วนรายได้ ดังนี้
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (สกินแคร์และครีมกันแดด) มูลค่า 1.13 แสนล้านบาท
- ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม มูลค่า 3.9 หมื่นล้านบาท
- ผลิตภัณฑ์เมคอัพ มูลค่า 2.27 หมื่นล้านบาท
- ผลิตภัณฑ์น้ำหอม มูลค่า 1.02 หมื่นล้านบาท
ส่วนในปีนี้ คาดว่าตลาดความงามทั่วโลกจะเติบโตขึ้น 4-5% ส่วนตลาดความงามไทยคาดว่าจะเติบโตมากกว่าตลาดทั่วโลกอยู่ที่ 8%
ในปัจจุบัน ธุรกิจของลอรีอัล ประเทศไทยแบ่งออกเป็น 4 แผนกหลัก รวม 15 แบรนด์ คือ
- แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค: L’Oreal Paris, Garnier, Maybelline New York
- แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั่นสูง: Lancôme, Biotherm, Giorgio Armani, Kiehl’s, Shu Uemura, YSL, IT Cosmetics
- แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ: L’Oréal Professionnel, Kérastase
- แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง: Vichy, Cerave, La Roche Posay
ลอรีอัล ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับ 3 แบรนด์ใหญ่ในประเทศไทย คือ L’Oréal Paris ที่เป็นแบรนด์ใหญ่ที่สุดของลอรีอัล Garnier เป็นสกินแคร์อันดับ 1 ในประเทศไทย และ Maybelline New York ที่เป็นแบรนด์เมคอัพอันดับ 1 ในไทยและมีลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นหลัก
หากแบ่งอัตราการเติบโตตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ ตลาดที่เติบโตมากคือ เวชสำอางเกิดจากเทรนด์ดูแลสุขภาพหลังจากโควิด-19 ทั่วโลก และผลิตภัณฑ์เมคอัพจากการอั้นมาตั้งแต่ช่วงโควิดที่ผู้บริโภคไม่ได้ออกจากบ้าน ส่วนพฤติกรรมในการซื้อสินค้า ในช่วงโควิด ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ยากจากการที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปิดสวนทางกับช่องทางออนไลน์เติบโตพุ่งสูง พอร้านกลับมาเปิดทำให้คนกลับมาซื้อหน้าร้านที่เป็นห้างสรรพสินค้าสูงมากในปี 2022-2023
ปิดท้ายด้วยเป้าหมายและการคาดการณ์การเติบโตในปีนี้ แพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย เมียนมา ลาวและกัมพูชา เผยว่า แม้ว่าการคาดการณ์มองว่าตลาดความงามไทยจะเติบโตน้อยลง แต่ลอรีอัลคาดว่าจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีแผนจะเพิ่มแบรนด์ในไทย แต่การขยายแบรนด์เป็นความรับผิดชอบใหญ่จึงต้องใช้เวลาในการพิจารณาเพราะต้องมีการลงทุน ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่และจะนำเข้ามาภายในไทยในช่วงหนึ่งปีถึงหนึ่งปีครึ่งนี้
เทรนด์ความงามในไทยปี 2024
แพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย เมียนมา ลาวและกัมพูชา อธิบายว่า ในปี 2024 นี้จะให้ความสนใจกับเทรนด์หลัก 3 อย่างในประเทศไทย
ชนชั้นกลางกำลังเติบโตขึ้น ทำให้มีกลุ่มคนที่มีโอกาสเป็นผู้บริโภคของลอรีอัล 50 ล้านคนในปี 2030 ลอรีอัลจะให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับผู้บริโภคส่วนใหญ่ในระดับแบรนด์ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การโฆษณาบน TikTok, สื่อ Out of Home และ LINE@
เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ผ่านทางช่องทางดิจิทัล เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย
สังคมผู้สูงอายุ ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุทำให้ลอรีอัลให้ความสนใจกับการสร้างความงามสำหรับคนสูงวัย โดยจะสื่อสารกับผู้บริโภคตามแนวทางของตลาดอื่นอย่างยุโรปและญี่ปุ่นที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเช่นกันและจะพยายามนำข้อมูลเชิงลึกที่ได้มาใช้กับตลาดไทย รวมทั้งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เพื่อลดริ้วรอยอยู่แล้วและจะศึกษาเพิ่มในอนาคต
แพทริค จีโร มองว่า ไทยเป็นตลาดหลักในภูมิภาค เพราะไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนอกเหนือจากอินเดียที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากกว่าไทย 20 เท่า นอกจากนี้ ไทยยังเป็นตลาดที่มีความซับซ้อนและก้าวหน้า ผู้บริโภคไทยใช้ผลิตภัณฑ์ความงามด้วยความละเอียดมากกว่าประเทศอื่น ๆ มีความรักสวยรักงาม รวมทั้งในเชิงประชากร ไทยยังเป็นตลาดที่มีผู้สูงอายุจำนวนมากทำให้เป็นตลาดน่าสนใจ
ในเรื่องของกำลังซื้อ มองว่าชนขั้นกลางในประเทศไทยมีพฤติกรรมการซื้อที่รวมถึงสินค้าราคาสูงด้วยเพราะสินค้าความงามเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าแบรนด์เนม ทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้หลากหลายและกลุ่มสินค้าราคาสูงมีกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะ
กลยุทธ์ One L’Oréal
ลอรีอัลจะดำเนินธุรกิจเพื่อผลักดันแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอทั้งในประเทศไทย เมียนมา ลาวและกัมพูชา ผ่าน 3 ด้านด้วยกัน คือ
- People ให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับแรก สร้างเส้นทางการเติบโตและสร้างสิ่งแวดล้อมและวิธีการทำงานที่ดี
- #1 Beauty Company มุ่งสร้างแบรนด์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคเป็นแบรนด์อันดับ 1 พัฒนานวัตกรรมและความรู้และทำการตลาดอย่างมีกลยุทธ์
- One Loved Company ขับเคลื่อนองค์กรในด้านความยั่งยืน ลอรีอัลกำลังเน้นที่พัฒนาเรื่องการรีฟีลผลิตภัณฑ์และสื่อสารไปถึงผู้บริโภค
- Fit for the Future ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ทำให้ลอรีอัลเตรียมพร้อมและปรับเปลี่ยนเพื่อพัฒนาทักษะขององค์กรในการใช้ข้อมูลและ AI
L’Oréal for the Future เป้าหมายเรื่องความยั่งยืน
ลอรีอัลเผย เป้าหมายเรื่องความยั่งยืน 5 ข้อหลัก คือ
- หน่วยงานของลอรีอัลทั่วโลกจะใช้พลังงานที่ทดแทนได้ 100% ภายในปี 2025 ในปีที่ผ่านมาทำได้แล้ว 91%
- น้ำที่ใช้จะมาจากการนำมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลผ่าน Waterloop ให้ได้ 100% ภายในปี 2030 ปีที่ผ่านมาทำได้แล้ว 14%
- ส่วนประกอบทางชีวภาพของผลิตภัณฑ์ลอรีอัลจะมาจากแหล่งที่ยั่งยืน ตรวจสอบย้อนกลับได้ และไม่ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า 100% ภายในปี 2030 ปีที่ผ่านมาทำได้แล้ว 93%
- 95% ของส่วนผสมจะต้องมาจากธรรมชาติ ถ้าเป็นแร่จะต้องมาจากแหล่งที่มีแร่จำนวนมาก หากแร่ใกล้หมดแล้วจะไม่นำมาใช้ภายในปี 2030 ปีที่ผ่านมาทำได้แล้ว 65%
- แพ็คเกจจิ้ง 100% ของพลาสติกจะต้องมาจากพลาสติกรีไซเคิลหรือวัสดุชีวภาพเป็นหลัก ภายในปี 2030 ปีที่ผ่านมาทำได้แล้ว 32%
นอกจากนี้ ลอรีอัลยังเน้นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์รีฟีลที่ในปัจจุบันมีอยู่แล้ว 3 แบรนด์ คือ Lancôme, Kiehl’s และ YSL โดยยังสามารถคงความสวยงามของผลิตภัณฑ์ไว้ได้ ส่วนในปีนี้ La Roche Posay จะเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่มีผลิตภัณฑ์รีฟีล
ส่วนการสร้างผลกระทบเชิงบวกทางด้านสังคม L’Oréal Paris มีโครงการให้ความรู้เรื่องความรุนแรงและบริการปรึกษาด้านสุขภาพจิต มีการเปิดสอนทักษะการเสริมสวย รวทั้งโครงการจ้างงานผู้ด้อยโอกาสที่ทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์
ในปีนี้จะมีอีก 3 แบรนด์ที่ทำงานร่วมกับสังคม โดยมี Cerave ที่จะทำงานร่วมกับมูลนิธิเพื่อให้คนที่อยู่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการดูแลผิว เช่น โรคผิวหนัง สิว La Roche Posay จะดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ระหว่างการรักษามีปัญหาเรื่องการดูแลผิว และ Kiehl’s ที่เน้นความหลากหลาย ให้ความช่วยเหลือกลุ่ม LGBTQ+ โดยจะเริ่มในเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ใช้งบประมาณในประเทศไทย มีกองทุน FUND FOR WOMEN เพื่อผู้หญิง ใน 4 ประเทศ
ที่มา – L’Oréal
อ่านเพิ่มเติม
- ลอรีอัล ชี้ ตลาดความงามในไทย 1.49 แสนล้านบาทโตต่อ เร่งส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ครองเบอร์ 1 เบ็ดเสร็จ
- L’Oreal ทุ่ม 86,500 ล้านบาท ซื้อกิจการ Aesop ต่อยอดการทำตลาดเครื่องสำอางหรู
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา