Loxley ส่ง LET ชิงแชร์ตลาดเทคโนโลยีความปลอดภัยในบ้าน 2,000 ล้านบาท เสริมแกร่งรายได้ฝั่งภาครัฐ

บมจ. ล็อกซเล่ย์ เตรียมบุกตลาดเทคโนโลยีความปลอดภัยในครัวเรือน และองค์กรมูลค่า 2,000 ล้านบาท ผ่านการส่ง บริษัท ล็อกซเล่ย์ อีโวลูชั่น จำกัด หรือ LET ลงสนาม หวังสิ้นปี 2023 มีส่วนแบ่ง 3% ชูความร่วมมือองค์กรไทย และต่างประเทศ ผสานความเชี่ยวชาญการดูแลหน่วยงานรัฐดึงดูดลูกค้ากว่า 300 ราย ภายในปี 2024

LET

บุกตลาดความปลอดภัยในบ้าน และองค์กร

ยุทธพร จิตตเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ล็อกซเล่ย์ อีโวลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด หรือ LET เล่าให้ฟังว่า จากความเชี่ยวชาญในการทำตลาดเทคโนโลยีความปลอดภัยให้กับหน่วยงานภาครัฐ ทำให้บริษัทต้องการเข้าไปทำตลาดบริการดังกล่าวกับกลุ่มครัวเรือน และองค์กรต่าง ๆ เนื่องจากยังมีโอกาส และช่องว่างในตลาดอีกมาก

“เรามีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัย และดูแลงานดังกล่าวให้กับภาครัฐ ทั้งกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ ไปจนถึงระบบความปลอดภัยในสนามบิน ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างรายได้ให้เรากว่า 90% แต่เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ เราจึงอยากเข้าไปรุกตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กรเอกชน และครัวเรือนที่ยังมีช่องว่างอยู่อีกมาก”

การรุกตลาดครั้งนี้ LET อาศัยความร่วมมือกับองค์กรไทย และต่างประเทศ เช่น ซีที เอเชีย โรโบติกส์ ผู้ผลิตหุ่นยนต์ดินสอ, คลาวด์เซค เอเชีย ผู้ให้บริการด้านคลาวด์, ไอดิโอเทค ผู้จัดจำหน่ายหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร และ ฮาโก้ แบรนด์อุปกรณ์ภายในบ้านชั้นนำ

4 กลุ่มบริการที่ LET จะเข้าไปทำตลาด

เบื้องต้น LET มีแผนทำตลาด 4 กลุ่มบริการประกอบด้วย

  • เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยสำหรับที่พักอาศัยในชื่อ LET Care
  • เทคโนโลยีป้องกันการโจรกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ในชื่อ Cyber Shield
  • เทคโนโลยีดูแล และช่วยเหลือผู้สูงอายุ
  • เทคโนโลยีไร้มนุษย์ควบคุม

ทั้งหมดนี้จะทำงานควบคู่กับศูนย์ควบคุมกลาง หรือ CCC มีลักษณะเป็นห้อง War Room มีเจ้าหน้าที่ติดตามตลอด 24 ชม. เพื่อตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ในบริการ Cyber Shield ยังมีการร่วมมือกับ เมืองไทยประกันภัย เพื่อออกกรมธรรม์ประกันภัยมูลค่าสูงสุด 50 ล้านบาท เพื่อการันตีเรื่องการคุ้มครองข้อมูล

“การเดินหน้ารุกตลาดทั้ง 4 บริการ จะทำให้รายได้ของ LET จากเดิมที่มาจากการทำตลาดกับหน่วยงานภาครัฐถึง 90% จะลดสัดส่วนลงมาเหลือ 60% และที่เหลือจะเป็นรายได้ที่มาจากกลุ่มลูกค้าองค์กร และครัวเรือน ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายใน 3 ปี ข้างหน้า”

ขณะเดียวกันการเข้าไปรุกตลาดในพื้นที่ใหม่ LET ตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 3% ของตลาดเทคโนโลยีความปลอดภัยภายในบ้านที่ในประเทศไทยมีมูลค่าราว 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2023 และภายในปี 2028 จะมีส่วนแบ่งในตลาดนี้ที่ 22% โดยในตลาดมีคู่แข่งหลักจากญี่ปุ่นเพียง 1 ราย

ตั้งเป้ารายได้ 500 ล้านบาท

LET ในปี 2022 มีรายได้ทั้งหมด 410 ล้านบาท กว่า 90% มาจากรายได้จากการทำธุรกิจกับหน่วยงานภาครัฐ โดยปีใน 2023 บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 500 ล้านบาท โดยนอกจากการหันมาทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าองค์กร และครัวเรือน บริษัทยังเตรียมทำการตลาดผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้เพิ่มเติม

“ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจจากที่เราเน้นทำแบบ B2G มาสู่ลูกค้าทั่วไป ยิ่งเวลานี้เมืองไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และมีปัญหาการโจมตีทางไซเบอร์ จึงน่าจะดีกว่าถ้าเราสามารถนำโซลูชันที่ทำตลาดกับลูกค้าภาครัฐมาให้ลูกค้าเอกชน และครัวเรือนทั่วไปได้ใช้งานด้วย”

ทั้งนี้ LET คาดว่า บริษัทจะดึงดูดลูกค้าทั่วไปทั้งฝั่งองค์กร และครัวเรือนกว่า 300 ราย ภายในปี 2024 โดย LET ถือเป็นธุรกิจที่แยกออกมาจาก บมจ. ล็อกซเล่ย์ เนื่องจากเห็นโอกาสทางธุรกิจ ผ่านตลาดที่ค่อนข้างเปิดกว้างทั้งฝั่งหน่วยงานภาครัฐที่แข็งแกร่ง และฝั่งลูกค้าทั่วไป

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา