Chicky Chic ไก่ทอดหน้าโรงเรียน ที่อยากเป็นไก่ทอด ‘แบรนด์ไทย’ เบอร์ 1 ที่มี 1,000 สาขาทั่วประเทศ

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทายาทรุ่นสอง เข้ามารับช่วงต่อ Chicky Chic แบรนด์ไก่ทอดอายุเกือบ 20 ปี ที่หลายคนมองว่าเป็นแค่ ‘ร้านหน้าโรงเรียน’?

Chicky Chic

เรื่องราวของ ‘โบว์-ภิญญาพัชญ์ วิวัฒธนาศักดิ์’ ไม่ได้แค่สานต่อ แต่คือการ ‘รีแบรนด์’ ครั้งใหญ่ให้ Chicky Chic เธอใช้ความแข็งแกร่งเดิมคือโรงงานมาตรฐานส่งออก มาบวกกับการตลาดสมัยใหม่ นำสื่อโซเชียลเข้ามาโปรโมตแบรนด์ รีเฟรชภาพลักษณ์แบรนด์ 

รวมถึงขยายสาขาจากร้านหน้าโรงเรียนหรือรั้วมหาวิทยาลัยออกมาสู่ตลาดที่กว้างขึ้นสู่ตลาดต่างจังหวัด และแอปพลิเคชันเดลิเวอรี่ จนเติบโตเป็น 300 สาขา และคว้ารางวัลรางวัล Best Small Franchise และรางวัล Best Food Franchise จากงาน Thailand Franchise Award 2024

เราสรุปบทเรียนสำคัญมาให้แล้ว ว่าแบรนด์เก่าสามารถเติบโตในยุคใหม่ได้อย่างไร?

Chicky Chic ไก่ทอดแบรนด์ไทย ความเป็นมาเกือบ 20 ปี

Chicky Chic เกิดตั้งแต่ปี 2549 อยู่มาแล้วกว่า 19 ปี และถึงรุ่น ‘โบว์’ ที่รับไม้ต่อที่บ้านจากร้านไก่ทอดทั่วไปตามโรงเรียนทำให้เกิดการรีแบรนด์เพื่อให้เกิดการพัฒนาทั้งหน้าตาอาหาร ทั้งในเรื่องของสินค้า และเรื่องของเมนูต่าง ๆ ให้มีความใหม่ให้กับผู้บริโภคเรื่อย ๆ เพื่อต่อยอด Chicky Chic แบรนด์ไก่ทอดของไทยให้ดังขึ้น

Chicky Chic
โดยแรกเริ่มมาจากการเป็นโรงงานที่ผลิตไก่ปรุงสุกแช่แข็งเกรดสินค้าส่งออกต่างประเทศ ทำให้คุณโบว์มั่นใจ ในเรื่องคุณภาพ และเรื่องของสินค้าที่ไปทอดที่ไหน ก็รสชาติเหมือนกันทั่วประเทศ ทำให้ Chicky Chic นำสินค้าที่พัฒนามาจากโรงงานมาพัฒนาเป็นโมเดลแฟรนไชส์

‘โบว์’ ตั้งวิสัยทัศน์ และเป้าหมายใหม่ให้แบรนด์ Chicky Chic โดยมองว่าอยากจะเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ไก่ป๊อป ‘เบอร์ 1’ ของประเทศไทย

โดยคุณโบว์วางเป้าหมายที่จะพัฒนาชิคกี้ชิคหลัก ๆ เป็น 3 ข้อ

  1. Fry Fast Serve Fast ทุกสินค้า หรือว่าทุกเมนูที่ลูกค้าสั่งจะมีการทอดที่หน้าร้านจะเป็นการทอดสดใหม่ โดยที่สินค้าที่ลูกค้าได้ไปก็จะกรอบแล้วก็ร้อนแน่นอน
  2. Create Healthy Moment หรือว่าสินค้าที่ผู้บริโภคได้ทานแล้ว รู้สึกมีความสุข มีการสปาร์คจอยในแต่ละวัน โดยอยากให้ชิคกี้เป็นของทานเล่นที่เป็นโปรตีนสแน็ก 
  3. ทุกสาขามีรสชาติเดียวกัน เพราะฉะนั้นในการมีสินค้าที่ผลิตจากโรงงาน ก็จะเป็นหนึ่งใน Key Success ของแบรนด์

แบรนด์ดูเรื่องยากให้ คนซื้อแฟรนไชส์ต้องได้แต่งานง่าย

ในวันที่ผู้ประกอบการทุกคนอยากลงมาเล่นในตลาด ไม่ใช่เพียงการแข่งแค่ราคาสินค้า แต่เป็นเซอร์วิสจากทางแฟรนไชส์ที่จะทำให้ผู้ประกอบการนั้นเลือกเข้ามาลงทุนง่ายขึ้น

Chicky Chic

โดย ‘โบว์-ภิญญาพัชญ์’ กล่าวเสริมว่า “เราเชื่อว่าอะไรที่ยาก เราต้องเป็นคนทำ เพราะฉะนั้นการที่เราเซ็ตระบบให้ แฟรนไชส์ได้ทำส่วนที่ง่าย ส่วนเรื่องของการมีระบบ POS การมีระบบ CRM, POS ก็จะเป็นทางแบรนด์ดูแลและสอนใช้งาน เพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูลให้ลูกค้าแฟรนไชส์ได้ การมี CRM ก็ทำให้เราสามารถได้ข้อมูลลูกค้าทั่วประเทศแล้วเอามาต่อยอดการวางแผนการตลาด”

ทำให้คุณโบว์เพิ่มในส่วนของระบบ POS ระบบ CRM ให้ระบบการขายหน้าร้านมีระบบที่ใช้ง่ายอีกทั้งยังนำข้อมูลไปวิเคราะห์ระหว่างปี เพื่อเพิ่มเมนู และทําโปรโมชันตลอด สื่งที่อยากให้ผู้ลงทุนทําก็คือเป็นเจ้าของแล้วรอขายรับเงินอย่างเดียว

และ Chicky Chic เป็นหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ในการทําแฟรนไชส์ที่ลงทุนประมาณหลักแสน แต่มีทีมซัพพอร์ตที่พร้อมลงถึงหน้างาน เพราะทางแบรนด์มีผู้ประกอบการที่เข้ามาซื้อแฟรนไชส์หลากหลายกลุ่ม บางทีก็อาจจะอายุเยอะแต่ยังสนใจลงทุน ทำให้ต้องมีทีมนี้ที่จะเข้าไปดูแลให้ถึงที่ไม่ว่าจะสอนใช้หรือเซ็ตอัป

และในตอนนี้ ‘โบว์’ ได้เพิ่มการสอนสร้างสื่อทางโซเชียล และ AI โดยมีเทรนนิ่งการเขียน Prompt AI ให้กับแฟรนไชส์เพื่อให้สามารถคิดคอนเทนต์ได้ง่ายขึ้น และตัดต่อ TikTok ได้ง่ายขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้เหมาะสมกับตัวผู้ประกอบการ โดยแบรนด์จะเลือกแอปหรือ POS ที่ user-friendly  ให้เข้ากับผู้ประกอบการมากที่สุด

นอกจานั้น คุณโบว์ยังเน้นว่าสินค้าที่ผู้บริโภคทานในแต่ละจังหวัดต้องไม่เกิดความแตกต่างทั้งคุณภาพ และรสชาติที่ต้องเหมือนกันทุกสาขาอีกทั้งยังผู้ประกอบการจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ได้เลย

ถึงเป็นไก่ทอดหน้าโรงเรียน แต่ลูกค้า ‘ไม่ใช่นักเรียน

ในตอนแรกคุณโบว์มอง Chicky Chic เป็นแบรนด์ที่เน้นขายของคุณภาพดี ยังไงก็ต้องขายได้ แต่จริง ๆ แล้วของคุณภาพดีจะมาพร้อมราคา เลยทำให้เจอปัญหาของการขายสินค้าที่ผิดกลุ่มเป้าหมายในช่วงแรกที่เลือกเข้าขายให้กับเด็ก ๆ ในโรงเรียนซึ่งมีราคาที่จำกัด

Chicky Chic
จากในอดีต Chicky Chic ที่เป็นสินค้าส่งออกยุโรป หรือขายที่สิงคโปร์ในราคาที่เหมาะสมกับสินค้า แต่พอนำกลับมาขายที่ไทยในโรงเรียนผ่านมา 10 ปีไม่เคยสามารถปรับราคาได้ ทำให้เหมือนวางแผนการตลาดผิด คุณภาพที่ขายไปอาจจะโอเวอร์เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มลูกค้า

ทำให้ถึงเวลาที่รีแบรนด์ เลยทำให้แบรนด์ต้องกลับมาวิเคราะห์ใหม่จนมาพบว่าจริง ๆ แล้ว เป็นคนวัยทำงาน หรือคุณพ่อคุณแม่ที่ซื้อให้ลูกกิน เลยทำให้แบรนด์เจอจุดเปลี่ยนจาก Chicky Chic ที่เคยมีแค่ในโรงเรียนและก้าวออกมาเป็นสาขาสแตนด์อโลน

โควิด จุดท้าทายที่ใครก็ต้องเจอ

อีกปัญหาคือ โควิด ที่ทำให้แบรนด์ประสบปัญหาเหมือนทุก ๆ เจ้า แต่ในอีกด้านหนึ่ง โควิดก็ทำให้เจอโอกาสใหม่ ๆ เช่น ขายผ่านแอป Delivery ซึ่งการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการรับฟังและช่วยแก้ปัญหา 

เช่น ถ้ามีบางสาขายอดตก ผู้ประกอบการก็โทรมาปรึกษากับ Chiky Chic ได้ 

แบรนด์จะให้คำปรึกษาเหมือนเป็นเพื่อนกับผู้ประกอบการเพื่อลงไปหาต้นเหตุของปัญหา ว่ามันเกิดจากอะไร เช่น การที่ขายไม่ดีเกิดจากร้านเราคนเดียวหรือว่าทุกร้านเพื่อนบ้านเป็นเหมือนกัน เพื่อให้รู้ว่าปัญหาเกิดจากปัจจัยภายนอก ตัวพนักงาน คุณภาพ หรือว่าจุดผิดพลาดอื่น ๆ จะได้แก้ให้ถูกจุด

Chicky Chic
‘โบว์’ เล่าว่า “บางสาขายอดขายตกเพราะว่าบริษัทที่เคยมีเฮดควอร์เตอร์อยู่ตรงนี้ ย้ายไปอีกที่หนึ่งทำให้กลุ่มลูกค้าหลัก 300-400 คนหายไป ต้องมาถามต่อแล้วว่าถ้ากระทบหมดแบบนี้ เรากระทบเยอะหรือน้อย เช่น ทุกร้านลดหมดเลย แต่เราอาจจะยังอยู่ในภาพที่พอทำกำไรอยู่ไหมและมาวิเคราะห์ว่าอยู่ต่อได้ไหม หรือว่าควรจะย้ายโลเคชัน 

เพราะการย้ายทำเลก็จะเป็นอีกหนึ่งวิธีการแก้ปัญหา ทำให้ Chicky Chic มีทีมหาพื้นที่ ช่วยซัพพอร์ตผู้ประกอบการหลาย ๆ แบบ ทั้งคนที่ประสบปัญหา คนที่สนใจแฟรนไชส์แต่ยังไม่มีที่ หรือคนที่กำลังหาที่แต่ไม่ชัวร์ว่าดีไหม

ความฝันของ Chicky Chic ไก่ทอดในตำนาน

‘โบว์’ เล่าว่า “ตลาดไก่ทอดเป็นตลาดที่สนุกมาก เพราะคู่แข่งเยอะมาก แต่ถ้าดูจริง ๆ แบรนด์ไทยแท้ ๆ มันแทบไม่มีเลย แบรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมาตอนนี้แทบไม่ใช่แบรนด์ไทย โบว์เลยรู้สึกว่า เฮ้ย ถ้าเราสามารถที่จะเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องของการเป็นแฟรนไชส์ไก่ป๊อปมันคงดีนะ”

นอกจากการที่ขยายสาขาเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้คนเห็นเยอะขึ้นเห็นบ่อยขึ้น แต่อีกวิธีหนึ่งคือพัฒนาตัวโมเดลแฟรนไชส์เราให้มีความหลากหลายชนิดอาหารที่จะมีเพิ่มในหน้าร้าน หรือเอาไก่ป๊อปไปทำเมนูอื่น ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าและ ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้

ปัจจุบัน Chicky Chic มีหน้าร้านกว่า 300 สาขา แพลนระยะสั้นในตอนนี้คือต้องการเปิดสาขาเพิ่มอีกซึ่งครึ่งปีแรก Chicky Chic ขยายได้ดีถึง 80 สาขาจากเป้าหมาย 120 สาขาที่ต้องการเปิดเพิ่มในปีนี้ และพยายามเน้นให้ผู้ประกอบการที่อยู่กับแบรนด์มาสามารถอยู่ต่อได้ไม่ปิดสาขาลง 

‘โบว์’ มองภาพระยะยาวว่า อีกสัก 5 ปีต้องทำให้ถึง 1,000 สาขา โดย 1,000 สาขา จะมีทั้งคีออสก์และร้านอาหาร เพื่อขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในแบรนด์แฟรนไชส์ไก่ทอด เบอร์ 1 ของไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา