เผยกลยุทธ์ คามัล เหลียง ผู้คุมบังเหียน เสียวหมี่ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมนำไทยติด TOP 3

หากผู้อ่านยังจำกันได้ เมื่อปลายปี 2562 เมื่อ เสียวหมี่ ประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาอยู่กรุงเทพฯ ด้วยเหตุผลเพราะประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในตลาดที่เข้าถึงเทคโนโลยีได้มาก และยังเป็นประเทศที่ได้รับการจัดอันดับว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินทางมือถือสูง

และข้อมูลจาก Canalys เปิดเผยว่า เสียวหมี่ มีอัตราการเติมโตสูงขึ้นมากถึง 234% เมื่อเทียบ YoY ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา เป็นอันดับ 4 ของตลาดสมาร์ทโฟนในไทย แสดงได้ถึงการเติบโตที่รวดเร็วและมั่นคง กลยุทธ์หลายๆ อย่าง ที่นำพาเสียวหมี่โตขึ้นแบบก้าวกระโดดทั้งในไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มร. คามัล เหลียง ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียวหมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จะเปิดเผยกลยุทธ์ และภาพรวมการทำตลาดต่อจากนี้

Mr. K.M. Leong General Manager of Southeast Asia, Xiaomi International

สมาร์ทโฟนสเปคสุดคุ้ม ในราคาที่จับต้องได้

จากการที่เสียวหมี่ ครองตลาดสมาร์ทโฟนติด 1 ใน 5 จาก 54 ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก ติด TOP 3 ใน 36 ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก และที่สำคัญเป็นอันดับ 1 ใน 10 ตลาดสมาร์ทโฟน แสดงให้ถึงการเติบโตของแบรนด์อย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 10 ปีเท่านั้น กลยุทธ์ที่สำคัญของเสียวหมี่ มี 3 ประการหลักๆ

  • กำหนดราคาสินค้าอย่างตรงไปตรงมา สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น สามารถตั้งราคาได้ต่ำกว่าแบรนด์อื่นๆ ในสเปคในระดับเดียวกัน ทำให้ผู้บริโภคจับต้องได้
  • สินค้ามีความหลากหลาย ทั้ง AIoT และสมาร์ทโฟน ด้วยราคาที่เท่ากัน แต่ให้สเปค หรือคุณภาพที่สูงกว่า อาทิ Mi 10T Pro 5G มาพร้อมสเปคสุดคุ้ม รองรับ 5G ในราคาเพียงหมื่นต้นๆ เท่านั้น
  • Mi Fans ที่ขับเคลื่อน กำหนดทิศทางบริษัทฯ และให้การสนับสนุนซึ่งมีทั่วโลกกว่า 50 ล้านคน

รุกตลาดไทย พร้อมดันยอดขายไทยเป็นอันดับ 3 เร็วที่สุด

สิ่งหนึ่งที่สามารถขับเคลื่อนตลาดสมาร์ทโฟนในไทยให้เติบโตเป็นอันดับ 4 ได้ เพราะเราเน้นหนักการจัดจำหน่ายสินค้าผ่าน Online Shopping Platform เจ้าหลักในไทย ทั้ง Lazada, Shopee และ JD Central ซึ่งในไทยเป็นช่องทางที่เติบโตเร็วมากๆ การทำโปรโมชั่นร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่าย และการมาถึงของเทคโนโลยี 5G เราเตรียมเม็ดเงินกว่า 50,000 ล้านหยวนใน 5 ปีข้างหน้า เป็นงบในการวิจัยและพัฒนา 5G+AIoT ให้อัจฉริยะ และมีประสิทธิภาพสูงสุด

“เราอยากให้ผู้ใช้งาน 5G ในไทยได้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เสียวหมี่มีสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน 5G และพร้อมจำหน่ายภายในปีนี้รวมๆ กว่า 10 รุ่น รองรับทุกช่วงตลาด เริ่มในสมาร์ทโฟนระดับกลางราคาเริ่มต้นที่ 6,000 บาท ถึงตลาดระดับบนรุ่นเรือธงในราคาสองหมื่นต้นๆ เชื่อว่าเราจะด้วยสินค้าของเราจะตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เราอยากเป็นแบรนด์ที่ครองตลาดในไทยเป็นอันดับ 3 เร็วที่สุด”

เพิ่มงบการตลาด, เปิดศูนย์บริการ และคอลเซ็นเตอร์ในไทย

ไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของเสียวหมี่ ในปีนี้เราจะลงทุนในเรื่องของการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้ เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น โดยจะเพิ่มงบอีก 100% จากเดิมเทียบกับปีที่แล้ว พร้อมขยาย Mi Store จากที่มีอยู่แล้ว 36 สาขา ขยายเพิ่มเป็น 100 สาขาเพิ่มศูนย์บริการหลังการขายจากเดิมที่มี 12 แห่ง เป็น 25 แห่ง และเพิ่ม Point of Sale (POS) จากเดิม 4,000 ร้าน เป็น 8,000 ร้าน ทั้งหมดจะเกิดภายในสิ้นปีนี้

นอกจากนี้เรายังลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของการบริการหลังการขาย ทั้งเปิดให้บริการคอลเซ็นเตอร์ให้กับลูกค้าในเดือนมีนาคมนี้ เปิดจุดรับสินค้า (Pickup point) ในเดือนพฤษภาคมนี้ และบริการรับสินค้าถึงที่หมาย (Door to Door)

เปิดตัว Mi 11 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด

Mi 11

Mi 11 สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของเสียวหมี่ ถือเป็นรุ่นแรกของโลกที่ใช้ Snapdragon 888 ของ Qualcomm รองรับการชาร์จไฟแบบเร็วสูงสุด 55W พร้อมระบบกล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 108 ล้านพิกเซลในเลนส์ไวด์ปกติ, 13 ล้านพิกเซลในอัลตร้าไวด์ และ 5 ล้านพิกเซลในเลนส์เทเลมาโคร หน้าจอแสดงผล WQHD+ 6.81 นิ้ว 120Hz แบบ AMOLED DotDisplay

Mi 11 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 มีนาคม 2564 ในรุ่น 8/128GB ราคา 21,990 บาท และ 8/256GB ราคา 23,990 บาท มีให้เลือก 2 สีได้แก่ Midnight Gray และ Horizon Blue

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา