โจ ไบเดน เซ็นผ่านกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว

หลังจากผลักดันกันมานานร่วมครึ่งปี ในที่สุด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ลงนามในกฎหมายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดยักษ์มูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ (1.2 trillion หรือประมาณ 40 ล้านล้านบาท) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กฎหมายฉบับนี้อนุมัติเงินลงทุนก้อนมหาศาล สำหรับการซ่อมถนน สะพาน ทางรถไฟ ประปา สาธารณูปโภคด้านคมนาคมของสหรัฐอเมริกาที่ชำรุดทรุดโทรม หรือไม่ได้พัฒนามานาน นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาดด้วย

นอกจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแล้ว กฎหมายฉบับนี้ยังมุ่งเป้าเรื่องการจ้างงานจำนวนมาก เพื่อตอบสนองปัญหาเรื่องการขาดแคลนงานที่รายได้สูงบนแผ่นดินอเมริกา จากกระแสการย้ายงาน (outsourcing) ไปยังประเทศที่มีค่าแรงต่ำกว่านับตั้งแต่ทศวรรษ 2000s เป็นต้นมา ตัวอย่างงานเหล่านี้คือการติดตั้งอินเทอร์เน็ตหรือสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามเมืองต่างๆ ทั่วสหรัฐ

โจ ไบเดน เสนอแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชื่อ American Jobs Plan มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงไม่นาน โดย American Jobs Plan เป็นหนึ่งในสามแผนสำคัญของเขาใต้นโยบาย Build Back Better ที่ต้องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ เพื่อฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของอเมริกาให้กลับคืนมา (อีกสองแผนคือ American Rescue Plan แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโควิด และ American Family Plan ที่เป็นนโยบายด้านสังคม)

แผน American Jobs Plan ที่เสนอในครั้งแรกมีมูลค่าถึง 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ แต่หลังจากการโต้เถียงและต่อรองกันในชั้นของรัฐสภาสหรัฐอย่างยาวนาน แผนการนี้ถูกลดขนาดลงมาเหลือ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และผ่านการเห็นชอบของสภาคองเกรสในท้ายที่สุด โดยมีเสียงวิจารณ์จากฝ่ายหัวก้าวหน้าในพรรคเดโมแครตด้วยกันเองอยู่พอสมควร

กฎหมายฉบับนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Infrastructure Investment and Jobs Act ถือเป็นผลงานกฎหมายฉบับสำคัญของรัฐบาลโจ ไบเดน เดิมทีไบเดนตั้งเป้าขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อมาใช้เป็นงบประมาณลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ภายหลังเมื่อขนาดของงบประมาณลดลงมาก และมีเงินเหลือจากแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังโควิด ทำให้ไบเดนนำเงินก้อนเหล่านี้มาใช้แทนการขึ้นภาษีนิติบุคคล

ที่มา – ทำเนียบขาว, BBC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา