จิล ไบเดน ว่าที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนแรก ที่ยังทำงานประจำต่อไป

หลังชัยชนะของโจ ไบเดน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2020 ชีวิตและครอบครัวของเขาก็ถูกจับตาในฐานะ “ว่าที่” ประธานาธิบดีคนใหม่ และบุคคลที่สำคัญไม่แพ้กันคือ จิล ไบเดน ภรรยาคู่ชีวิตในฐานะ “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง” คนใหม่ของอเมริกา

จิล ไบเดน คงไม่ใช่หน้าใหม่ของทำเนียบขาว เพราะเธอเคยดำรงตำแหน่ง “สุภาพสตรีหมายเลขสอง” (Second Lady) ในฐานะภรรยาของรองประธานาธิบดีไบเดน มายาวนานถึง 8 ปี (2008-2016) และในอดีตก็มีผู้หญิงหลายคนที่ก้าวขึ้นจากสุภาพสตรีหมายเลขสอง มาสู่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ตามชัยชนะทางการเมืองของสามีมาก่อนแล้ว (คนสุดท้ายก่อนหน้านี้คือ บาร์บารา บุช ภรรยาของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช และแม่ของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช)

สิ่งที่ทำให้จิล ไบเดน แตกต่างไปจากสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนก่อนๆ ทั้งหมดคือ ในฐานะคู่สมรสของประธานาธิบดี ที่ต้องมีภารกิจมากมาย เธอประกาศว่าจะยังทำงานประจำที่เธอรักต่อไป

ครอบครัวไบเดน และลูกทั้งสามคนคือ โบ ฮันเตอร์ แอชลีย์

จิล ไบเดน เป็นภรรยาคนที่สองของโจ ไบเดน (ภรรยาคนแรกของโจคือ นีลลา ไบเดน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ พร้อมกับลูกสาววัย 1 ปี เมื่อ ค.ศ. 1972)

จิล เกิดในปี 1951 ปัจจุบันอายุ 69 ปี (อ่อนกว่าโจ 9 ปี) เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย แต่หย่าร้างกันไปก่อน ในปี 1975 พี่ชายของโจ ไบเดน แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน จนกระทั่งแต่งงานกันในปี 1977 เธอมีลูกสาวกับโจ หนึ่งคนคือแอชลีย์ ไบเดน (โจยังมีลูกชายอีก 2 คนจากภรรยาคนแรกคือ โบ ไบเดน และฮันเตอร์ ไบเดน)

จิล จบการศึกษาด้านศิลปศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ และทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษมาโดยตลอด แม้ในช่วงที่โจเป็นรองประธานาธิบดี และย้ายมาอยู่ที่กรุงวอชิงตันดีซี เธอย้ายตามมาด้วยก็จริง แต่ยืนยันจะสอนภาษาอังกฤษต่อไปในวิทยาลัยชุมชน Northern Virginia Community College (NOVA) ในแถบกรุงวอชิงตัน ทำให้เธอถือเป็นสุภาพสตรีหมายเลขสองคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยังทำงานประจำอยู่ (ส่วนงานการเมืองหรืองานสังคม จะทำเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์)

เธอพยายามเลี่ยงการออกสื่อในฐานะภรรยาของรองประธานาธิบดี เธอแนะนำตัวกับลูกศิษย์ว่าชื่อ “Dr. B” แทน “Dr. Biden” และหากมีลูกศิษย์คนใดมาถามว่าเธอเป็นภรรยาของโจหรือไม่ เธอมักจะตอบแบบเลี่ยงๆ ว่า “เป็นญาติห่างๆ ที่นามสกุลเดียวกัน” แทน

ที่มหาวิทยาลัย จิลพยายามทำตัวปกติมากๆ เช่น ไม่มีห้องส่วนตัว มีโต๊ะทำงานในห้องพักครูเหมือนกับครูคนอื่นๆ มีช่วงเวลานัดหมายให้นักศึกษาเข้ามาพูดคุยตามปกติ รวมถึงพยายามให้หน่วยรักษาความปลอดภัย (Secret Service) แต่งตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน ที่มักออกงานคู่กับจิลเสมอๆ ถึงกับเคยพูดเอาไว้ว่า สิ่งที่เธอเห็นจิลทำอยู่ตลอดคือ “ตรวจการบ้านนักเรียน”

จิล ไบเดน เยี่ยมนักเรียนในประเทศไนเจอร์ เมื่อปี 2016

ในช่วงที่โจเป็นรองประธานาธิบดีสมัยที่สอง (หลังการเลือกตั้งปี 2012) เธอเริ่มออกงานการเมืองมากขึ้น เช่น การออกเยี่ยมทหารอเมริกันที่บาดเจ็บ หรือ ช่วยหาเสียงให้กับ ส.ส. บางคนของพรรคเดโมแครต อย่างไรก็ตาม เมื่อโบ ไบเดน บุตรชายคนโตของโจ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 2015 กลับทำให้กิจกรรมทางการเมืองของโจต้องหยุดพักไป โดยเขาประกาศว่าจะไม่ลงสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปี 2016

หลังโจลงจากตำแหน่ง ทั้งสองคนหันมาทำงานด้านการกุศล แต่จิลก็ยังสอนหนังสือที่ NOVA ต่อไป เธอออกหนังสือชีวประวัติส่วนตัวในปี 2019 โดยระบุว่าแม้เธอดีใจที่ได้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขสอง แต่บทบาทที่เธอชอบที่สุดคือการเป็น Dr. B ของเหล่านักศึกษา

จิล ไบเดน กับแคมเปญชวนคนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทางไปรษณีย์

แต่หลังครอบครัวไบเดนสิ้นสุดชีวิตทางการเมืองในปี 2016 จิลที่หลีกเลี่ยงเรื่องการเมืองมาโดยตลอด กลับเป็นแรงผลักดันสำคัญให้โจ ตัดสินใจมาลงสมัครประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2020 และเธอยังเข้ามาช่วยหาเสียงให้กับโจอย่างหนัก (ถึงขั้นลาพักจาก NOVA หนึ่งเทอม ซึ่งเธอไม่เคยทำมาก่อน) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของโจ ถูกฝ่ายของโดนัลด์ ทรัมป์ โจมตีเรื่องธุรกิจในประเทศยูเครน เธอก็ลงมาตอบโต้อย่างเต็มที่

จิล ไบเดน ในแคมเปญหาเสียงของโจ ไบเดน

เมื่อโจได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต จิลก็มีบทบาทในการช่วยตัดสินใจเลือกคู่หูมาเป็นรองประธานาธิบดี (ซึ่งได้ “กมลา แฮร์ริส” ที่กำลังจะกลายเป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกในอเมริกา) เธอกล่าวถึงการตัดสินใจลงมาช่วยหาเสียงให้โจว่า อเมริกากำลังจะพังทลาย ประเทศก็เหมือนกับครอบครัว เราไม่สามารถยอมให้มันเกิดขึ้นได้ ทุกคนจึงต้องเข้ามาช่วยกันให้ความรักและความเข้าใจกลับคืนมา

จิล ไบเดน จะเข้ารับตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในวันที่ 20 มกราคม 2021 โดยจะต้องย้ายบ้านมาอยู่ในทำเนียบขาว แต่ก็ประกาศไว้ว่ายังอยากทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษต่อไป

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา