Ecommerce ของประเทศจีนนั้นเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ผ่านมูลค่ารวมแค่ฝั่ง Retail กว่า 8.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 27 ล้านล้านบาท ดังนั้นถ้า SMEs ไทยเข้าไปถึงตลาดนั้นได้ ก็คงเป็นโอกาสมหาศาลของตัวธุรกิจ
หลายคนนึกถึงแค่ Alibaba แต่จริงๆ ยังมีอีก
ด้วยชื่อเสียงของ Jack Ma หนึ่งในคนที่รวยที่สุดในประเทศจีน ด้วยตัวธุรกิจ Alibaba ที่ครองตลาด Ecommerce ในประเทศจีนเกือบเบ็ดเสร็จ ทำให้ Alibaba กลายเป็นที่จับตามองของนักธุรกิจไทยหลายราย ที่ต้องการนำสินค้าของตัวเองไปจำหน่ายทั้งในรูปแบบ B2B และ B2C
แต่จริงๆ แล้ว JD.com เบอร์สองของตลาด Ecommerce ที่จีน ก็มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ดังนั้นผู้ประกอบการชาวไทย โดยเฉพาะ SMEs ก็ต้องศึกษาวิธีการนำสินค้าของตนเองเข้าไปจำหน่ายที่นั่น แต่ด้วยความยาก เพราะเป็นการขายแบบ Cross Border แถมยังไม่มีตัวแทนในการช่วย SMEs ชาวไทยให้เข้าไปทำตลาดที่นี่อย่างจริงจัง
จากจุดนี้เองทำให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เริ่มหาตัวกลางเข้ามาช่วยเรื่องนี้ และได้บริษัท ซีโฟน่า กรุ๊ป จำกัด ที่เชี่ยวชาญการนำสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศจีน มาทำหน้าที่ดังกล่าว ภายใต้โครงการ Thailand Smart Trade Center (TSTC)
เปิดเกม Online และ Offline พร้อมๆ กัน
ภายใต้โครงการดังกล่าว จะเป็นการช่วยเหลือ SMEs ไทย ให้จำหน่ายสินค้าได้ทั้งช่องทาง Online และ Offline ในประเทศจีน กล่าวคือตัว Online จะทำผ่านการตั้งหน้าร้านกลางชื่อ Thailand Pavilion ภายในเว็บไซต์ JD.com ผ่านการรวบรวมสินค้ากลุ่มอาหาร,เครื่องสำอาง และสปา เข้าไปจำหน่าย และมีตัวกลางช่วยประสานงานเรื่องส่งออกสินค้า
ส่วนฝั่ง Offline นั้น ทาง TSTC ได้เปิดพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม. ภายในเมืองโฝซาน มณฑลกวางตุ้ง เพื่อให้แบรนด์ชั้นนำของประเทศไทย และเอสเอ็มอีที่สนใจนำสินค้าไปวางแสดง และหากผู้ค้าที่จีนสนใจก็สามารถสั่งซื้อในรูปแบบ B2B ได้ โดย TSTC จะเป็นผู้ให้คำปรึกษาเรื่องการส่งออกสินค้า และขั้นตอนศุลกากรให้
สรุป
ตอนนี้หากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Ecommerce จีนได้ เท่ากับโอกาสธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาอย่างมหาศาล และถ้าไม่มีความรู้เรื่องการส่งออก ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์ก็เข้ามาช่วยเหลือเต็มรูปแบบ ดังนั้นผู้ค้าอย่ามองแค่ Alibaba เพราะยังมีช่องทางอื่นๆ ที่ทำให้สินค้าตัวเองออกไปสู่แดนมังกรได้
ทั้งนี้ทีมงานของ JD.com ที่เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ตอบคำถามสื่อแต่อย่างใด ทั้งในเรื่องเข้ามาตั้งสาขาในประเทศไทย รวมถึงแผนธุรกิจของภูมิภาคอาเซียนหลังจากนี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา