8 พฤษภาคมนี้! ญี่ปุ่นเตรียมยกเลิกมาตรการโควิด ไม่ต้องโชว์ผลฉีดวัคซีนและผลตรวจโควิดแล้ว

8 พฤษภาคมนี้! ญี่ปุ่นเตรียมยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด ไม่ต้องโชว์ผลฉีดวัคซีนและผลตรวจโควิดเป็นลบแล้ว

แผนเตรียมยุติมาตรการโควิดนี้ ญี่ปุ่นคาดหวังว่าจะช่วยฟื้นจำนวนนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลเข้าประเทศได้มากขึ้นเทียบเท่ากับก่อนช่วงโควิดระบาด โดยคาดว่าวันที่จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงคือวันที่ 8 พฤษภาคมนี้

Japan, Fuji

สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ไม่ต้องโชว์ผลฉีดวัคซีนและผลตรวจโควิดที่เป็นลบ

ความคาดหวังของญี่ปุ่น

ระยะสั้น ญี่ปุ่นอยากให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่ม เที่ยวที่แปลกใหม่เพิ่ม กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
ระยะยาว เตรียมส่งออก Soft Power นำร่องด้วยการขายความหลากหลายทางอาหาร

รัฐบาลตั้งเป้าว่านักท่องเที่ยวจะมีค่าใช้จ่ายต่อหัวอยู่ที่ 200,000 เยนหรือประมาณ 50,000 บาทในปี 2025 ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิดระบาดอยู่ที่ 160,000 เยนหรือประมาณ 4 หมื่นบาท นอกจากคาดหวังว่านักท่องเที่ยวจะใช้เงินเพิ่มขึ้นแล้ว ยังต้องการสนับสนุนให้ใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวตามชานเมืองมากขึ้นอีกด้วย จากเดิมที่มักจะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 1 คืน

สำหรับไตรมาสแรก นักท่องเที่ยวต่างประเทศซึ่งรวมทั้งผู้ที่เดินทางเพื่อทำธุรกิจด้วย ใช้จ่ายประมาณ 212,000 เยนหรือประมาณ 5.4 หมื่นบาท

ด้วยค่าเงินเยนที่อ่อนค่าดังกล่าว ความคาดหวังทั้งหลายนี้คือสิ่งที่ต้องการในระยะสั้น แต่สำหรับระยะยาว ญี่ปุ่นต้องการเพิ่มประสบการณ์ที่มีคุณภาพแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น การท่องเที่ยวที่เชื้อชวนให้ลิ้มลองรสชาติอาหารที่หลากหลายของญี่ปุ่นมากขึ้น (Gastronmy Tourism) นี่คือแผนที่ได้ทำการโปรโมตเรียบร้อยแล้ว

สำหรับไตรมาสแรกของปี 2023 นักท่องเที่ยวไปเยือนญี่ปุ่นแล้วราว 4.79 ล้านคน หรือราว 60% เทียบกับช่วงก่อนโควิดระบาด โดยนักท่องเที่ยวที่ทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวมาจากเกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับจีน ถือเป็นตัวเลขที่น่าผิดหวังมาก ชาวจีนเยือนญี่ปุ่นแค่เพียง 1 ใน 3 จากยอดรวม จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 93.4% เทียบกับไตรมาสแรกของปี 2019 (ก่อนโควิดระบาด)

อย่างไรก็ดี ช่วงไตรมาสแรกนั้น นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศซึ่งรวมกลุ่มผู้ที่เดินทางเพื่อธุรกิจด้วย ใช้จ่ายรวมๆ ทั้งค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าชอปปิง ค่าเดินทางต่างๆ เฉลี่ยราว 212,000 เยน แต่เมื่อจำกัดนักท่องเที่ยว ยอดค่าใช้จ่ายก็ลดลงอยู่ที่ 186,000 เยนต่อหัว

อย่างไรก็ดี เงินสะพัดจากนักท่องเที่ยวในญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เกิดจากชาวจีนที่พร้อมเปย์ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นของใช้ในบ้าน เครื่องสำอาง แม้จะเริ่มมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาเที่ยวญี่ปุ่นบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้ใช้จ่ายมากมายอย่างก่อนหน้านี้

สิ่งที่ญี่ปุ่นกำลังให้ความสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวนั้น Shintaro Inagaki นักเศรษฐศาสตร์การตลาดอาวุโสจาก Mizuho Securities ระบุว่า ญี่ปุ่นกำลังปรับกลยุทธ์ให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเชิงคุณภาพมากกว่าจะใช้จ่ายไปกับการซื้อสินค้า​ ซึ่งนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มจะใช้จ่ายลดลง การพยายามโปรโมตให้นักท่องเที่ยวไปใช้จ่ายมากขึ้นในท้องถิ่นจึงค่อนข้างยากที่จะทำให้เกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ Takahide Kiuchi นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัย Nomura คาดว่า นักท่องเที่ยวขาเข้าจะกลับมาเทียบเท่าช่วงก่อนโควิดระบาดในเดือนสิงหาคม และนี่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้เติบโตขึ้น ซึ่งข้อมูลจาก Mizuho ระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนญี่ปุ่นจำนวนมากที่สุดในปี 2019 อยู่ที่ 31.88 ล้านคน หากมีการใช้จ่ายประมาณ 200,000 เยนต่อหัวได้ จะทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัวและกระตุ้นให้เกิดผลิตภัณฑ์รวมภายในประเทศถึง 1.2% ต่อปี

ประเด็นการขาดแคลนแรงงานในญี่ปุ่นก็กำลังเป็นปัญหาต่อภาคบริการอย่างมาก ข้อมูลจากการสำรวจโดยบริษัทวิจัย Teikoku Databank พบว่ากว่า 11,700 บริษัท หรือประมาณ 77.8% ของธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมโรงแรมนั้น มีพนักงานทำงานประจำไม่พอ

ที่มา – Japan Today

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา