ลงทุนช่วงนี้ ทองต้องสั้น-หุ้นต้องยาว ครึ่งปีหลัง “เอเชียพลัส” ชี้เป้าหุ้นเด็ด!

วันก่อน Brandinside เสนอข่าววิเคราะห์ราคาทองไปแล้ว (อ่านได้ที่นี่) วันนี้เรามาต่อกันที่หุ้นไทยดีกว่า ว่าเราจะลงทุนหุ้นตัวไหน อย่างไร ในช่วงเวลาที่เหลือของปี

ภาพจาก Shutterstock

เอเชียพลัสชี้ ครึ่งปีแรกหุ้น Top10 ใน SET แป้กกำไรโตแค่ 2%

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASP) บอกว่า ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 2561 นี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เฉพาะ 10 บริษัทที่มี Market Capital (มูลค่าตลาด) สูงสุดของ SET (Top 10 ของ SET) มีกำไรอยู่ที่ 2.19 แสนล้านบาท เติบโตเพียง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งน้อยกว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนใน SET ทั้งหมดที่อยู่ 5.5 แสนล้านบาท เติบโตถึง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ปัจจุบันทั้ง 10 บริษัท มี Market Capital คิดเป็น 36% ของบจ.ทั้งหมดในตลาด  

ครึ่งปีหลัง หุ้นใหญ่ฐานกำไรน้อยกว่าปีแรก จับตาปัจจัยเสี่ยงนอกประเทศ

ส่วนครึ่งปีหลังนี้ ภาพรวมกำไรของบจ.ในตลาดหลักทรัพย์น่าจะอยู่ที่ 1.07 ล้านล้านบาท เติบโต 8% จากปี 2560 ใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรก แต่ถ้าเป็นกลุ่มบริษัท Top 10 ของ SET ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มว่าฐานกำไรจะน้อยกว่าครึ่งปีแรก

เทรนด์ครึ่งปีหลัง กลุ่มน้ำมัน เช่น PTT PPTGC และปูนใหญ่ (SCC) กำไรอาจจะดรอปลงจากครึ่งปีแรก เพราะช่วงที่ผ่านมาเขามี StockGain เยอะและราคาน้ำมันครึ่งไปหลังยังไม่มีเทรนด์ขาขึ้นมากนัก ส่วนธนาคารพาณิชย์จะมีกำไรใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ส่วนการแพทย์ครึ่งปีหลังจะดีกว่าเพราะเป็น Hi-Season ด้าน AOT แม้ว่าปลายปีจะเป้นช่วง Hi-season แต่เขาปิดงบปีช่วงเดือน . ต่างจากที่อื่น ทำให้กำไรยังไม่เข้าในปีนี้”

ความเสี่ยงของตลาดหุ้นครึ่งปีหลังนี้ต้องจับตามอง ปัจจัยนอกประเทศ เช่น สงครามการค้า ความเคลื่อนไหวค่าเงินทั่วโลก ส่วนในประเทศรอดูความคืบหน้าการเลือกตั้งในไทย ด้านกลุ่มหุ้นที่อาจจะมีกำไรลดลงคือ เช่าซื้อ เพราะทั้งปีนี้มีการออกกฎเกณฑ์ใหม่ๆ มากอาจจะทำให้กำไรของกลุ่มนี้ลดลง

ภาพจาก shutterstock

เปิดรายชื่อหุ้นเด็ดต้องซื้อครึ่งปีหลัง แต่ต้องลงทุนระยะยาว

ทั้งนี้สิ้นปี 2561 ทางเอเชียพลัสเรามอว่า หุ้นไทยจะอยู่ที่ 1,730 จุด เพราะฐานกำไรของบจ.ยังไม่สูงมาก แต่ยังมีหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ และเข้าลงทุนได้ในระยะกลางถึงระยะยาว (มากกว่า 6 เดือนขึ้นไป) บริษัทที่ยังมี P/E (ราคาหุ้นต่อกำไร) ต่ำ มี Dividend (เงินปันผล) และกำไรเริ่มฟื้นตัว ส่วนจะขายตอนไหนต้องดูที่ FairValue

  • กลุ่ม P/E ต่ำ และมี Dividend ได้แก่ RATCH-บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน), EASTW-บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน)
  • กลุ่มกำไรเริ่มฟื้นตัว ได้แก่ LPN-บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
  • กลุ่มส่งออก ได้แก่ CPF-บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), TU-บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), HANA-บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน)
  • กลุ่มสื่อนอกบ้าน ได้แก่ VGI : บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน)MACO : บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน)PLANB : บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา