เมื่อคนรุ่นก่อนทำให้ประเทศสู้ใครเขาไม่ได้ ความซวยจึงตกทอดมาสู่คนรุ่นใหม่
ผู้ก่อตั้งบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของอินเดีย ใช้คำสอนจากวิถีปฏิบัติตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มาสอนคนรุ่นใหม่ว่า ถ้าไม่อยากแพ้จีน ต้องทำงาน 70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
N R Narayana Murthy ผู้ก่อตั้งบริษัท Infosys ระบุไว้ในรายการ Podcast ชื่อ The Record โดยปล่อยเนื้อหาผ่านยูทูปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นที่คุยคือเรื่องการสร้างชาติ เทคโนโลยี และพูดถึงบริษัทของตัวเอง Infosys
เขาบอกว่าอินเดีย มี Productivity ต่ำที่สุดในโลก และคนรุ่นใหม่ก็จำเป็นต้องทำงานให้มันยาวนานขึ้น เหมือนกับที่ญี่ปุ่นและเยอรมนีเคยทำมาก่อนในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งนี้ก็เพื่อให้แข่งขันกับจีนได้ด้วย
Murthy บอก Productivity ในการทำงานของคนอินเดียคือประเทศหนึ่งที่อยู่ในอันดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถ้าอยากพัฒนา ต้องพัฒนา Productivity ในการทำงาน ต้องลดการคอรัปชั่นในคณะรัฐบาล เราไม่ได้รับรู้ความจริงที่ซ่อนอยู่ เราต้องลดความล่าช้าของหน่วยงานราชการ ต้องทำให้ประเทศก้าวหน้าอย่างถล่มทลายถึงจะแข่งขันกับประเทศอื่นได้
เขาย้ำ คนรุ่นใหม่ในประเทศจะต้องพูดว่า นี่คือประเทศของชั้น ชั้นอยากทำงาน 70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
Murthy ก่อตั้ง Infosys มาตั้งแต่ปี 1981 ปัจจุบันถือเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านนวัตกรรมซอฟต์แวร์ที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
ปี 2015 ติดอันดับ Top 10 ผู้บุกเบิกด้านธุรกิจในวงการเทคโนโลยีของ Financial Times
ปี 2014 ติดอันดับ 13 ของผู้นำธุรกิจโลก จาก 25 อันดับของ CNBC
ปี 2012 ติดอันดับ 12 ผู้ประกอบการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคสมัยของ Fortune
ปี 2005 ติดอันดับ 10 ผู้นำที่ได้รับความชื่นชมมากที่สุดของ The Economist และยังได้เป็นผู้ชนะสัญชาติอินเดียคนแรกที่ได้รับรางวัล Ernst and Young’s World Entrepreneur of the Year
- ได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ ชั้นสูงสุดของประเทศ (Legion d’honneur) จากฝรั่งเศส
- ได้รับเครื่องราชอิสริยภรณ์แห่งจักรวรรดิอังกฤษ (CBE: Commander of the Most Excellent Order of the British Empire)
- ได้รับ Padma Vibhushan เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันดับสูงเป็นอันดับ 2 แด่พลเมืองจากสาธารณรัฐอินเดีย
อินเดียเตรียมเปลี่ยนชื่อประเทศ หันมาใช้ภาษาสันสกฤตโบราณ กลายเป็นประเทศ “ภารัต”
Rishi Sunak นายกอังกฤษคนแรกเชื้อสายอินเดีย แถมรวยกว่ากษัตริย์ชาลส์ที่ 3
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา