มาดู เทคโนโลยีที่กำลังจะนิยม และเทคโนโลยีเดิมที่กำลังเปลี่ยนไปในประเทศไทย 2017

head mount display1

ตอนนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วมาก AI เล่นโกะชนะคนได้ เริ่มวิเคราะห์การลงทุนได้ เริ่มเขียนข่าวเขียนนิยายได้แล้วในอนาคตจะกลายเป็นคนขับรถให้เราด้วย และยังมีเทคโนโลยีอีกหลายส่วนที่กำลังเกิดขึ้น และมีอีกจำนวนไม่น้อยกำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อไม่ให้หายไปจากตลาด

IDC บริษัทวิจัยการตลาด เลยทำการสำรวจสิ่งที่เรียกว่า “The Next Big Things” ว่าเทคโนโลยีอะไรกำลังจะแพร่หลาย และอะไรที่กำลังเปลี่ยนตัวเอง ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่ปลายปีนี้ จนถึงปี 2017 ซึ่งอันดับแรกต้องรู้ก่อนว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงตลาดทดแทน หรือ Replacement แปลว่า หลายๆ เทคโนโลยีที่เคยเติบโต 20-30% เช่น คอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว แต่จะมีลักษณะเติบโตเพียงเล็กน้อยจากการซื้อเพื่อทดแทนของเดิมเท่านั้น

โดยคาดการณ์ว่าในปี 2016 – 2017 มูลค่าตลาดอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งหลาย จะมีมูลค่ารวมประมาณ 2 แสนล้านบาท และมีการเติบโตประมาณ 1-2% เท่านั้น และหลังจากนั้นไป อาจจะเห็นการเติบโตที่ขยับขึ้นมาเล็กน้อย จากสิ่งที่เรียกว่า “นวัตกรรมใหม่กระตุ้นตลาด” เช่น Internet of Things, Next Gen Security, Cognitive Systems, Augmented & Virtual Reality, Robotics และ 3D Printing ซึ่งถือเป็นคลื่นเทคโนโลยีลูกใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น และสิ่งเหล่านี้จะกระทบกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่กำลังจะวางตลาดในอนาคต

nextbig2

VR-AR เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

VR-AR เป็นเทคโนโลยีในอนาคตที่เปลี่ยนโลกอีกมาก จากการศึกษาของ IDC พบว่า มีการแบ่งตลาดตามระดับของอุปกรณ์ 3 ระดับ โดยระดับแรกคือ Screenless Viewers เป็นแว่นที่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เช่น Samsung Galaxy Gear ราคาไม่แพงมากนัก แต่การใช้งานยังจำกัด และภาพที่ได้ยังไม่สมบูรณ์ ระดับกลาง คือ Tethered Head-mounted Displays แว่นที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเกมคอนโซล เช่น PlayStation ทำให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น และ ระดับสูง คือ Standalone Head-mounted Displays เป็นแว่นที่มีแบตเตอร์รี่ สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สาย คุณภาพดี และมีราคาสูงที่สุด

ถ้าว่าตามเทคโนโลยีแล้ว AR มีความก้าวหน้ากว่า VR แต่ตลาดจะตอบรับกับ VR ก่อน ซึ่งปัจจุบันตลาดเทคโนโลยี VR ได้เริ่มต้นไปแล้วในหลายอุตสาหกรรม เช่น เกม, การแพทย์, การศึกษา และด้านสถาปนิก ขณะที่เทคโนโลยี AR ต้องรอประมาณปี 2019 – 2020 ตลาดจึงจะเริ่มตอบรับ ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้งานใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น ทัวร์สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศผ่าน VR-AR แบบเสมือนอยู่ที่นั่นจริง, หรือบริการชมการแข่งขันกีฬา หรือคอนเสิร์ต ผ่าน VR-AR เสมือนอยู่ในนั้นจริงๆ เป็นต้น

nextbig1

Geolocation บทบาทของสถานที่ มีมากขึ้น

อาจจะหมดยุคที่เราจะถามทางกันแล้ว ขอแค่ส่ง Location บอกพิกัดมา แผนที่ที่คนเท่าโลกเข้าถึงได้ง่ายที่สุดคือ Google Map ก็สามารถพาไปถึงจุดหมายได้ไม่ยาก (แต่ต้องใช้อย่างมีสติ อย่าเชื่อในทันที) ซึ่งปัจจุบันแผนที่มีการพัฒนาให้มีความแม่นยำมากขึ้น และมีการใช้งานอย่างแพร่หลาย ร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างที่เห็นได้มากที่สุด ในเวลานี้คือ Pokemon GO ที่ใช้แผนที่จริงซ้อนไปในเกม ให้ผู้เล่นเดินไปยังที่ต่างๆ เพื่อจับโปเกม่อน ซึ่งนี่เป็นเพียงเฟสแรก เชื่อว่าเฟสต่อไปจะมีการผนวกสิ่งต่างๆ ลงไปบนแผนที่ ซึ่งรวมถึงการทำตลาด เช่น บริษัท ห้างร้าน ต่างๆ ดึงดูดให้ผู้เล่นเกมไปจับโปเกม่อนพร้อมกับใช้บริการ

nextbig3

Mobile Payment ปฏิวัติการจ่ายเงินด้วยมือถือ

อาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ด้วยนโยบายพร้อมเพย์ของรัฐบาล เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยจุดประกายให้คนไทยรับรู้ถึงบริการ Mobile Payment และจะทำให้ผู้ให้บริการที่มีในตลาดมีความเคลื่อนไหวมากขึ้น พร้อมๆ กับที่ผู้ให้บริการในต่างประเทศกำลังเข้ามาทำตลาด ซึ่งในภูมิภาคนี้ ประเทศไทยถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของการใช้งาน โดยนำหน้า ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และ อินเดีย ในด้านความพร้อม

การจ่ายเงินแบบ Mobile Payment จะเริ่มมาแทนที่เงินสดในการจ่ายเงินซื้อของจริงๆ มากขึ้น เห็นได้จากร้านค้าบางประเภท เช่น ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ที่สามารถจ่ายเงินผ่านแอป เพื่อสะสมแต้มได้แล้ว จากนั้นจะเริ่มกระจายแพร่หลายไปยังร้านค้าทั่วไปมากขึ้น

nextbig4

การรักษาความปลอดภัยที่ขยายตัวมากขึ้น

เมื่อการใช้งานเทคโนโลยีแพร่หลายมากขึ้น การรักษาความปลอดภัยรูปแบบใหม่ๆ ก็ต้องถูกพัฒนาตามมาด้วย ปัจจุบัน นอกจากระบบของพาสเวิร์ดแล้ว เทคโนโลยีลายนิ้วมือ หรือ Finger Print กลายเป็นพื้นฐานไปแล้ว และการสแกนม่านตา กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ต่อไปจะมีการตรวจจับคลื่นเสียง และ การสแกนรูปแบบของหลอดเลือดเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล เป็นสิ่งที่จะมองข้ามไม่ได้อีกต่อไป

nextbig5

ปัญญาประดิษฐ์ จะอยู่ใกล้ตัวเราทุกคน

กระแสเรื่องปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาแรงมาก อาจจะเรียกอีกอย่างว่า Cognitive System ซึ่งบริษัทด้านเทคโนโลยีในต่างประเทศ ต่างเร่งวิจัยและพัฒนาและเริ่มมีการใช้งานจริง โดย IDC คาดว่า ในปี 2018 หรือ 2 ปีจากนี้ ผู้บริโภคครึ่งหนึ่งจะใช้บริการกับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบ AI กันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งบางทีก็น่าคิดเหมือนกันว่า หรือยุคของสกายเน็ต ในภาพยนตร์ The Terminator กำลังจะมาถึงแล้ว

Image Credit: Wikipedia.org

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา