รู้จัก “ฮุกกะ” ปรัชญาชีวิตอันเรียบง่ายจากเดนมาร์ก ประเทศที่คนมีความสุขเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

นั่งจิบโกโก้ในฤดูหนาว หยิบหนังสือที่ชอบมานั่งอ่านไปเรื่อย ๆ รายล้อมด้วยคนในครอบครัวและเพื่อนรู้ใจ สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เดนมาร์กกลายเป็นประเทศที่คนมีความสุขเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก 

เดนมาร์กก็เหมือนประเทศอื่น  ๆ ที่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนที่จะเป็นรัฐสวัสดิการที่มั่นคงตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงทัศนคติของผู้คนเหมือนอย่างทุกวันนี้  สิ่งหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจให้ชาวเดนมาร์กก็คือแนวคิดการใช้ชีวิตแบบ “ฮุกกะ” หรือ “Hygge” ที่เป็นอมตะและปรับใช้ได้กับทุกคน

คำว่า “ฮุกกะ” แปลตามตัวได้ว่า “ความอบอุ่น” ที่ไม่ใช่หมายถึงแค่การซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่น ๆ แต่เป็นแนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตที่คนเดนมาร์กยึดถือเพื่อหาความสบายใจในชีวิต แนวคิดหลักของปรัชญาฮุกกะ คือ การทำตัวให้ผ่อนคลายให้เกิดความรู้สึกสบายตัวสบายใจเหมือนอยู่บ้านให้ได้มากที่สุดและลืมความกังวลของชีวิตไปชั่วขณะ 

Helen Russell ผู้เขียนหนังสือ The Year of Living Danishly: Uncovering the Secrets of the World’s Happiest Country กล่าวว่า ฮุกกะเหมือนเป็นการใจดีกับตัวเอง ทำสิ่งที่อยากทำ ไม่ปฏิเสธและต่อว่าตัวเอง และฮุกกะไม่ใช่แนวคิดสำหรับชนชั้นกลางเท่านั้น เพราะไม่ว่าใครก็ทำตามแนวคิดนี้ได้ (ตามเงื่อนไขของแต่ละคน)

แบบไหนถึงเรียกใช้ชีวิตแบบ “ฮุกกะ”

การทำตามปรัชญาฮุกกะสามารถทำได้หลายทาง ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็ทำได้ ทั้งการทำให้ร่างกายภายนอกรู้สึกสบาย ทำกิจกรรมที่ดีต่อใจ ไปจนถึงการตกแต่งบ้านให้มีบรรยากาศผ่อนคลาย 

ความสุขทางกาย

เริ่มจากการสวมใส่เสื้อผ้าสบายเพราะเสื้อผ้าเป็นสิ่งที่ต้องอยู่บนร่างกายตลอด 24 ชั่วโมง การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการออกกำลังกาย อาหารที่ดีไม่ได้หมายถึงการกินสลัดผักตลอดเวลา แต่เป็นอาหารที่ชอบไม่ว่าจะเป็นเค้ก เครื่องดื่มอุ่น ๆ หรือแม้กระทั่งไวน์เพื่อตามใจตัวเองและทำให้มีความสุข 

Meik Wiking ซีอีโอ Happiness Research Institute และนักเขียนหนังสือ The Little Book of Hygge: Danish Secrets to Happy Living ยังแนะนำให้ลองทำอาหารกินเองจะได้ลองทำกิจวัตรประจำวันแบบช้า ๆ ไม่เร่งรีบ เพื่อมีเวลาได้ตกตะกอนความคิด

ความสบายใจ

การหาความสบายใจอาจมาจากการเข้างานและเลิกงานตรงเวลาและใช้วันลาเพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่ทำให้เดนมาร์กเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance ให้พนักงานลาพักร้อนโดยได้รับค่าจ้างได้นาน 5 สัปดาห์ หรืออาจเป็นการหยุดพักจากความเครียด อยู่ในพื้นที่เงียบสงบในเวลาที่อารมณ์แปรปรวน หรือการใช้เวลากับคนรอบตัวและเพื่อนสนิท 

การสร้างบรรยากาศอบอุ่นสบาย 

การสร้างบรรยากาศความอบอุ่นสบายภายในบ้านก็เป็นหัวใจของแนวคิดแบบฮุกกะ Meik Wiking กล่าวว่าจะสร้างบรรยากาศแบบฮุกกะไม่ได้เลยถ้าไม่มีเทียนเพราะกลิ่นเทียนจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จนถึงขนาดที่ชาวเดนมาร์กโดยเฉลี่ยจะใช้เทียนเกือบ 6 กิโลกรัมต่อปี ส่วนประกอบอย่างอื่นก็อย่างเช่น การตกแต่งบ้านด้วยโคมไฟสลัว ๆ การปลูกต้นไม้ และการทำให้ที่นอนอุ่นสบาย

ที่มาของ “ฮุกกะ”

แม้ฮุกกะจะไม่ได้หมายถึงแค่ความอบอุ่น ไร้ความหนาวเย็นอย่างตรงตัว แต่มีที่มาจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างโหดร้ายในเดนมาร์กที่ในฤดูหนาว ผู้คนต้องอยู่กับความมือยาวนานถึง 17 ชั่วโมงต่อวัน แถมอุณหภูมิเฉลี่ยยังอยู่ที่ราว 0 องศาเซลเซียสทำให้ชาวเดนมาร์กต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การหาความสุขขณะที่อยู่ในบ้านจึงเป็นจุดโฟกัสของชาวเดนมาร์ก

คำว่า Hygge เป็นภาษาเดนิชที่มาจากคำศัพท์ในภาษานอร์เวย์แแปลว่า “ความเป็นอยู่ที่ดี” ออกเสียงคล้ายกับคำว่า “Hug” (กอด) ในภาษาอังกฤษอยู่เล็กน้อย Walter William Skeat นักปราชญ์ในศตวรรษที่ 19 และ 20 ตอนต้นคิดว่าคำว่า “Hug” เองก็อาจมาจากแถบสแกนดิเนเวีย 

Hygge และ Hug เองก็มีความหมายไปในทางเดียวกัน สื่อถึงความสบายใจและความมั่นคง ความหมายดั้งเดิมของ Hug ยังหมายถึงการดูแลตัวเอง ทำให้ตัวเองสบาย ตามความหมายของ Oxford English Dictionary

คำที่มีความหมายอย่าง Hygge หรือ Hug ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในภาษาอังกฤษและภาษาเดนิช ในเยอรมันเองก็มีคำที่สื่อแนวคิดเดียวกันว่า “Gemutlichkeit” ที่แปลว่าคุณภาพชีวิตที่ดีที่มาจากอาหารที่ดี การมีคนรอบข้าง หรือแม้แต่การดื่มเครื่องดื่มชิว ๆ สบาย ๆ อาจเรียกได้ว่าแนวคิดเรื่องการหาความสุขจากสิ่งรอบตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นสิ่งที่มีอยู่ในหลายวัฒนธรรม

บล็อกเกอร์ที่มีชื่อว่า Anna Lea West เสนอให้แปลคำว่าฮุกกะว่า “ความอบอุ่นทางจิตวิญญาณ” ส่วนนักแปลที่มีชื่อว่า ToveMaren Stakkestad ได้พูดไว้อย่างคมคายว่า ฮุกกะไม่ได้มีไว้สำหรับแปล แต่มีไว้รู้สึก ไม่แน่ว่าทางเดียวที่จะเข้าใจแนวคิดทางวัฒนธรรมนี้ได้ก็อาจจะเป็นการไปสัมผัสเดนมาร์กที่เป็นแหล่งกำเนิดของแนวคิดอบอุ่นนี้ด้วยตัวเอง

ปรัชญาฮุกกะดูเรียบง่ายและมองโลกในแง่ดีเพราะมาจากประเทศที่มีผู้คนมีความสุขเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก มี Work-Life Balance ระบบสาธารณสุขที่ดี การเดินทางสะดวกสบาย ในสภาพสังคมที่แตกต่างกันออกไป อาจไม่สามารถใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์จิบโกโก้อุ่น ๆ หรือมองหาความเรียบง่ายในความวุ่นวายได้เท่ากับคนในเดนมาร์ก แต่ก็นำปรัชญา “ฮุกกะ” ไปปรับใช้ได้ตามความสบายใจและเงื่อนไขของแต่ละคน 

ที่มา – BBC, CNBC, Everyday Health, Country Living, Clutter

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา