Huawei กับการเดินทางสู่ Smartphone อันดับ 3 และโอกาสของตลาดไทยในปีหน้า

ช่วงนี้ Smartphone จากประเทศจีนรุกตลาดไทยอย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นการดั๊มราคาแข่งกัน, จัดเต็มสเปกของตัวเครื่อง และที่ลืมไม่ได้คือการใช้กลยุทธ์ Presenter เพื่อปูพรมการรับรู้ของตลาด ซึ่ง Huawei (หัวเว่ย) ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ใช้วิธีเหล่านี้ แต่จะปูพรมยอดขายได้มากขนาดไหน ต้องติดตามอ่านในบรรทัดต่อไป

ทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย)

6 เดือนกับการเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

ทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) เล่าให้ฟังว่า แม้การทำตลาดสินค้า Smartphone ของบริษัทจะทำมามากกว่า 2 ปีแล้ว แต่ด้วยการแข่งขันที่สูง และโครงข่ายโทรศัพท์มือถือยังไม่จูงใจให้ผู้บริโภคขยับมาใช้งาน Smartphone มากนัก ทำให้ยอดขายจากสินค้าตัวนี้ยังไม่มาก ซึ่งต่างกับช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาอย่างชัดเจน เพราะตอนนี้ปัจจัยภายนอกพร้อมทั้งหมด จึงอยู่ที่ผู้ผลิต Smartphone แต่ละค่ายในการทำตลาด และสร้างผลิตภัณฑ์ออกมาให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุดเท่านั้น

“6 เดือนที่ Huawei ทำตลาดในรูปแบบใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่รุ่น P9 ที่ร่วมผลิตกับ Leica หนึ่งในแบรนด์กล้องถ่ายรูปที่ดีที่สุดในโลก และการ Co – Branding ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของ Huawei เปลี่ยนจากแค่แบรนด์จากจีนธรรมดาๆ กลายเป็นแบรนด์คุณภาพที่โดดเด่นในการใช้งานเรื่องกล้อง และเรายัง Co – Branding กับ Harman Kardon ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจเครื่องเสียง กับสินค้า Tablet พร้อมกับขยายช่องทางจำหน่ายเป็น 5,000 จุด และมีสินค้าตอบโจทย์ทุกระดับราคา จนการจำหน่ายของ Huawei ในไทยเพิ่ม 200% และมีส่วนแบ่งในตลาดใกล้เคียง 10% แล้ว”

จบปี 2560 ต้องขึ้นเป็นเบอร์ 3 ที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามการมีส่วนแบ่งในตลาด Smartphone ในแง่มูลค่าใกล้เคียง 10% นั้น Huawei ก็ยังเป็นอันดับที่ 4 ในตลาดนี้ โดยตลาดหลัง Samsung, Apple และ Oppo ตามลำดับ แต่ด้วยการทุ่มงบการตลาดเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพออกมาตอบโจทย์ทุกระดับราคา Huawei จึงตั้งเป้าหมายในปีหน้าที่เบอร์ 3 ของตลาด Smartphone ในแง่มูลค่า ผ่านสัดส่วนเกิน 10% ทำให้ช่วงท้ายปีปล่อย Smartphone 2 รุ่นใหม่ออกมาเจาะตลาด Premium Mass และ Hi – End

โดยรุ่น Premium Mass จะใช้ชื่อ GR5 ราคา 8,990 บาท ชูจุดเด่นเรื่อง Smartphone กล้องคู่ที่มีราคาต่ำกว่า 10,000 บาท รุ่นแรกของประเทศไทย และใช้ Presenter เป็น มิว – นิษฐา จิรยั่งยืน เพื่อสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้งาน Huawei ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ชาย ส่วนรุ่น Hi – End จะอยู่ในตระกูล Mate ประกอบด้วย Mate 9, Mate 9 Pro และ Porsche Design Mate 9 ราคา 23,900 – 49,900 บาท ถือเป็นอีกครั้งที่ใช้กลยุทธ์ Co – Branding และน่าจะจำหน่ายได้ทั้งหมดแม้ราคาจะค่อนข้างสูง

Smartphone ปี 2560 ยังโต ทำให้โอกาสยังมี

“ปีหน้าตลาด Smartphone ยังเติบโตเหมือนเดิม หลังจากปีนี้ยอดขายอยู่ที่ 1.2 ล้านเครื่อง/เดือน และยิ่งเราอยู่ในช่วงกราฟขึ้น ดังนั้นต้องทุ่มทุกอย่างสุดตัว ทั้งเพิ่มพนักงานขาย, จุดขาย และงบการตลาด เพื่อให้แบรนด์ Huawei เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมากกว่า 85% ของประชากร ส่วนเรื่องที่แบรนด์หนึ่งพลาดพลั้งไม่ได้ส่งเครื่องมาจำหน่ายในไทย ก็เป็นปัจจัยบวกส่วนหนึ่ง เพราะลดคู่แข่งในตลาดไปได้ แต่ Huawei ก็ต้องแข่งกับตัวเองด้วย ไม่ใช่รอให้คนอื่นพลาด แล้วค่อยจัดโปรโมชั่นเต็มที่”

สำหรับตลาด Smartphone ปี 2560 เมื่อมองในแง่มูลค่าจะพบว่า เครื่องกลุ่มราคาสูงกว่า 15,000 บาท จะอยู่ที่ 35% ของตลาดทั้งหมด และกลุ่ม 5,000 – 15,000 บาทอยู่ที่ 40% ที่เหลือคือกลุ่มราคา 5,000 บาท ดังนั้นกลุ่มที่แข่งขันกันมากที่สุดคือเครื่องราคาระดับกลาง ผ่านเรื่องเครื่องช้า, แบตเตอรี่หมดเร็ว และถ่ายรูปไม่สวยเป็นตัวแปรในการเลือกซื้อหลัก นอกจากนี้การร่วมมือกับ Operator เพื่อสร้างโปรแกรมผ่อนชำระ ก็ทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อเครื่องราคาสูงได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน

สรุป

ตอนนี้ Huawei กลายเป็นแบรนด์ที่หลายคนจับตามอง เพราะนอกจากการร่วมมือกับแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าระดับโลก เช่น Leica ยังทุ่มงบการตลาด และนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง ดังนั้นอีกไม่นานคงเห็นแบรนด์ Smartphone จากประเทศจีนไล่บี้เบอร์ 1 และ 2 ในตลาดอย่างเข้มข้นแน่นอน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา