How to ใช้ Hashtag ยังไง ให้ไปไกลระดับ Viral

การใช้ Hashtag เริ่มแพร่หลายขึ้นหลังจากที่ Twitter มีการจัดทำ Trends หรือสิ่งที่ผู้คนสนใจโดน Focus ไปที่ Hashtag ที่มีการเคลื่อนไหวมากในช่วงเวลาหนึ่ง เราจึงได้เห็น Brand, Influencer และแคมเปญทางการตลาดมีการติด Hashtag กันแทบจะทุกโพสต์ บทความนี้จะพาลงลึกไปดูว่าการใช้ Hashtag แบบไหนที่ช่วยให้ Brand และ Marketing campaign ปัง ปัง ปัง

Hashtag คืออะไร

Hashtag เป็นตัวช่วยในการช่วยให้โพสต์ของเรานั้นถูกค้นหาได้ง่ายและเป็นการจัดหมวดหมู่ของโพสต์นั้นไปในตัว ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ Social Media ยังไม่บูมมากๆ การใช้ Hashtag ยังคงเป็นการใช้เพียงเพื่อจัดหมวดหมู่ของโพสต์เท่านั้น จากนั้นจึงมีการใช้งานเพื่อทำเป็น Hashtag ของตัวเองเวลาทำสิ่งต่างๆ เช่น #BrandinsideinNewyork เพื่อวันใดวันนึงเรากลับมาดู Hashtag นี้ก็จะได้เห็นโพสต์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

จากนั้นเมื่อมีการใช้งานอย่างแพร่หลายและ Social media เริ่มบูม ผู้คนมีการใช้ Social Media มากกว่า 1 platform ทำให้เราได้เห็น Hashtag เพิ่มมากขึ้นและมีการนำมาประยุกต์ใช้กับการทำ Marketing อย่างเช่นการติด Hashtag ให้กับร้านอาหารเมื่อโพสต์บน Social Media เพื่อรับส่วนลดหรือของแถม มีการเล่นกิจกรรมโดยหาผู้โชคดีผ่านทาง Hashtag ที่ใช้ร่วมสนุกกัน ซึ่งปัจจุบันนอกจากการใช้งานเพื่อการตลาดและจัดหมวดหมู่ของโพสต์ยังใช้เพื่อผลักดันกิจกรรมทางสังคมหรือเรื่องราวที่ต้องการสื่อให้กับผู้คนบนโลกนี้ตระหนัก เช่น #BlackLiveMatter #DontTellMeHowToDress #เลือกตั้ง66 #whatshappeninginthailand

ข้อควรรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Hashtag 

  1. การใช้ Hashtag ไม่สามารถเว้นวรรค (Space) ได้ หากจำเป็นต้องใช้ให้ใส่ ” _ ” แทนการเว้นวรรค เช่น #Brandinside_is_hiring
  2. Hashtag สามารถใช้ตัวพิมพ์เล็กและใหญ่ได้ เช่น #BrandinsideXWongnai
  3. หากเป็นการใช้ Hashtag ภาษาไทยต้องระวังการพิมพ์ผิด พิมพ์ตก พิมพ์ไม่ครบ เพราะอาจทำให้เป็นการใช้งานผิด Hashtag ได้ เช่น #ม็อบ กับ #ม็อป , #กรกฎา กับ #กรกฏา , #แบรนด์X กับ #เเบรนด์X (กรณีนี้คือการพิมพ์ สระ “เ” สองครั้ง กลายเป็นสระ “แ” ซึ่งระบบจะมองว่าเป็นคนละตัวอักษรทันที)
  4. การใส่ Hashtag แต่ไม่เปิดสาธารณะให้กับโพสต์จะทำให้โพสต์นั้นไม่ถูกนับรวมเข้ากับโพสต์อื่นๆ เช่นคุณเข้าร่วมกิจกรรมกับแบรนด์หนึ่งแล้วมีการใส่ Hashtag ในโพสต์แต่ไม่ได้เปิดสาธารณะจะทำให้แบรนด์ไม่สามารถมองเห็นโพสต์ได้

เทคนิคการใช้ Hashtag 

1. Hashtag ที่ดีต้องไม่สั้นเกินไป ไม่ยาวเกินไป ไม่ยากเกินไป เพราะนอกจากเรื่องการพิมพ์ผิด ยังอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้อีกด้วย รวมถึงหาก Hashtag มีความสองแง่สองง่ามหรือมีคำที่ไม่ควรใช้ก็อาจทำให้ไปไม่ถึงฝั่งฝันก็เป็นได้

2. อยากเกาะ Trend อยากได้ Awareness อย่าลืมเช็ค Trends เพราะขณะที่ Hashtag นั้นกำลังเป็นที่นิยมจะมีผู้ใช้จำนวนมากกำลังดูโพสต์ต่างๆ จากใน Hashtag ซึ่งอาจจะจะเห็นโพสต์ของเราก็ได้ อีกด้านหนึ่งหากต้องการเกาะ Trend ก็สามารถใช้ Hashtag นั้นร่วมกับการทำ Real-time content ก็ทำได้เช่นกันและยิ่งทำให้เกิด Awareness กับโพสต์ของเรา

3. เช็ค Hashtag ก่อนเริ่มใช้ จะได้ไม่ซ้ำกับคนอื่น ยิ่งถ้าหาก Hashtag นั้นเราต้องการจะทำเป็น Campaign Marketing เพราะจะได้ไม่เกิดการใช้ซ้ำซึ่งส่งผลต่อ algorithm ของ platform และมีสิทธิที่จะทำให้ Hashtag ขึ้น Trend ยากอีกด้วย รวมทั้งหากเป็น Hashtag ที่มีคนใช้กันมาก่อนแล้วจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าโพสต์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับ Campaign ของเรา

4. ต่อยอดจาก Hashtag เดิมได้ ถ้าเคยใช้แล้วปัง เพราะลูกค้าหรือผู้ใช้อาจมีการจดจำ Hashtag นี้กับ Brand หรือ Product ของเราไปแล้ว ดังนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการทำ Marketing ในครั้งต่อไปการใช้ Hashtag ที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนช่วยได้เราได้มากกว่าการคิด Hashtag ใหม่แต่ Product หรือ Campaign คล้ายเดิม อาจจะมีการเปลี่ยนแค่ปีหรือเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างใน Hashtag ก็ทำได้เช่นกัน

5. อยากสร้าง Community ลองทำ Hashtag เฉพาะกลุ่มดูไหม เพราะในบางครั้งเราก็ไม่อยากที่จะใช้ Hashtag ใหม่ๆ ไปเรื่อย ดังนั้นการมี Hashtag ใด Hashtag หนึ่งที่สามารถ Connect กับ Consumer หรือผู้ใช้ได้ตลอดเวลาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

6. อยากแตกต่าง ต้องมี Hashtag เป็นของตัวเอง กรณีนี้หากต้องการให้เกิดความแตกต่างในด้านภาพลักษณ์และการจดจำ การมี Hashtag ที่แยกไปตามแต่ละ Product หรือแยกไปตาม Campaign ที่เราทำก็จะทำให้เกิดการง่ายต่อการวิเคราะห์ข้อมูลในภายหลังได้ด้วย

แนะนำการใช้ Hashtag ในแต่ละ Platform 

Facebook 

สำหรับ Facebook นั้นการใช้ Hashtag มากเกินไปอาจทำให้โพสต์นั้นดูไม่น่าสนใจ แนะนำว่าใช้ Hashtag ไม่เกิน 1-2 ตัวอาจจะเป็น Hashtag หลักและรอง เท่านั้น สำหรับ Facebook Group อาจจะมีการใช้ Hashtag เพื่อแยกหมวดหมู่ของโพสต์ไม่ว่าจะเป็นประกาศ ขายของ ประชาสัมพันธ์

Twitter 

คล้ายกับ Facebook เนื่องจากหากมีการติด Hashtag มากเกินไปนอกจากจะทำให้ Tweet ดูไม่น่าสนใจ ยังอาจทำให้คนอื่นคิดว่าเป็น IO และลดโอกาสการมองเห็นได้ในอนาคต

Instagram / TikTok

สำหรับใน 2 Platform นี้อาจจะมีความแตกต่างจาก Facebook และ Twitter เนื่องจากเป็น Platform ที่เน้นภาพและวิดีโอ ดังนั้นโอกาสการมองเห็นจะขึ้นอยู่กับจำนวน Hashtag ที่เราติด โดยแนะนำให้ไม่เกิน 10 Hashtag โดยเน้นแต่ Hashtag เกี่ยวข้องกับโพสต์ของเราเนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นโพสต์ที่มาแอบอาศัย Hashtag เพื่อโปรโมททำให้ยอดการมองเห็นและเข้าถึงน้อยลงไป นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้ 2 platform นี้มีความคล้ายกันคือมักจะกดค้นหาสิ่งต่างๆ จาก Hashtag เป็นหลัก อย่างเช่น TikTok ที่มักจะมีการทำ Challenge ผ่าน Hashtag นั่นเอง

YouTube

การใช้ Hashtag ใน YouTube มักใช้สำหรับแยกหมวดหมู่อย่างเช่นรายการต่างๆ ในช่องผ่านทาง Hashtag รวมถึงการติด Hashtag ของสิ่งที่เกิดขึ้น บุคคล เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา อย่างเช่น #เลือกตั้ง66 #พิธา #เรื่องเล่าเช้านี้

เครื่องมือที่ใช้ร่วมกับ Hashtag 

trends24

24 ชั่วโมงมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น หากจะเช็คจาก Twitter Trends ณ เวลานั้นก็คงไม่ทันการณ์ trends24 ถูกออกแบบมาเพื่อการเช็ค Hashtag ใน Twitter ย้อนหลัง 24 ชั่วโมงมากกว่า 40 อันดับในชั่วโมงนั้นๆ นอกจากนี้ยังมี Insight ขอแต่ละ Hashtag ให้ได้ดูเป็นข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วย

getdaytrends

ในบางครั้งการทำงานกับ Hashtag อาจไม่ได้จำกัดอยู่ที่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น getdaytrends สามารถอำนวยความสะดวกให้กับ marketer ที่ต้องการใช้ข้อมูล Trends ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นไม่ว่าจะเป็นสัปดาห์ที่แล้ว เดือนที่แล้ว หรือปีที่แล้ว แม้กระทั่งข้อมูลตลอด Lifetime ของ Hashtag นั้นๆ ก็มีให้ ดังนั้นนี่จึงเป็นหนึ่งเครื่องมือที่ค่อนข้างตอบโจทย์คนที่ทำงานร่วมกับ Hashtag ได้เป็นอย่างดี

twitter-trending.com

หากข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือที่แล้วมีไม่พอ twitter-trending ก็ตอบโจทย์เราได้ เพราะนอกจากข้อมูล Hashtag จากทั่วโลก ยังสามารถดูได้ว่า Hashtag นี้ทรงพลังมากแค่ไหนผ่านแกนของเวลาซึ่งอัพเดตทุก 30 นาที ทำให้เราเก็บข้อมูลของ Hashtag ได้อย่างครบถ้วนมากขึ้น

hashtagify.me

สุดท้ายกับเครื่องมือที่เชื่อได้ว่า marketer หลายคนต้องมีโอกาสเคยใช้ นั่นคือ hashtagify เครื่องมือวิเคราะห์ Hashtag ที่ละเอียดมากขึ้นด้วยข้อมูลและกราฟมากมายแม้จะใช้เวอร์ชั่นฟรีก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบ Hashtag ของเรากับคู่แข่งได้อีกด้วย

การใช้ Hashtag แม้จะดูเป็นเรื่องไม่ยากแต่ก็มีหลายเรื่องให้เราได้คิดก่อนเริ่มทำการตลาดกับ Hashtag ดังนั้นควรศึกษาให้แน่ใจก่อนการใช้ทำ Campaign ทุกครั้ง เพื่อให้เกิดผลดีทั้งทาง Branding และ Awareness กับเรานั่นเอง

Source: makewebeasy, stepstraining.co, contentshifu

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา