ขณะนี้ คนติดเชื้อโควิด-19 ทั้งโลกรวม 2,159,450 คน เสียชีวิต 145,568 คน (คิดเป็น 6.7%) รักษาหาย 549,996 คน (คิดเป็น 25.4%)
- ในอิตาลี คนติดเชื้อรวม 168,941 คน เสียชีวิต 22,170 คน (13.12%) รักษาหาย 40,164 คน (23.7%)
- ในญี่ปุ่น คนติดเชื้อรวม 9,231 คน เสียชีวิต 190 คน (2.05%) รักษาหาย 935 คน (10.1%)
อิตาลีกำลังผลิตซ้ำความผิดพลาดจากจีน Liang Zong’An หัวหน้าแผนกระบบทางเดินหายใจโรงพยาบาล West China แห่งมหาวิทยาลัยเสฉวน พูดถึงการติดเชื้อของอิตาลีที่มีการรับมือแบบเดียวกับจีนในช่วงที่โควิด-19 ระบาดใหม่ๆ
เขาแนะนำว่า อิตาลีต้องปรับมาตรการกักกันโรคผู้ป่วยที่ติดโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อย ดีกว่าจะปล่อยให้อยู่ลำพังในบ้านแทน อย่างที่ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า ผู้ป่วยที่มีอาการหนักมักจะต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแต่สำหรับคนที่มีอาการเล็กน้อย แพทย์มักจะแนะนำให้อยู่ในบ้านเพื่อกักกันโรค แต่กลายเป็นว่าคนที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่มีอาการเพียงเล็กน้อยกลับเป็นบุคคลที่สร้างความเสี่ยงให้สมาชิกในครอบครัวติดเชื้อต่อจากตัวเอง
ขณะที่ Mike Ryan หัวหน้าหน่วยฉุกเฉินแห่งองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ในช่วงที่มีการใช้มาตรการ lockdown การแพร่ระบาดของไวรัสก็ยังไม่หยุดทำงาน และยังเกิดขึ้นในหลายประเทศ เกิดขึ้นภายในครอบครัว สิ่งที่ต้องทำขณะ lockdown ด้วยคือการค้นหาผู้ป่วยในครอบครัว และแยกให้ผู้ป่วยอยู่ลำพัง
เรื่องนี้ Xiao Ning ซึ่งเป็นนักวิจัยศูนย์ควบคุมโรคระบุว่า เราไม่สามารถบอกได้ว่าการกักกันโรคของอิตาลีผิดหรือถูกเพราะแต่ละประเทศก็มีกลไกในการจัดการโรคแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เขาพบตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น มันเป็นปัญหา เรื่องกักกันโรคที่ญี่ปุ่นทำขณะที่มีคนติดเชื้อภายในครอบครัว ก็มีวิธีที่ดีและน่าสนใจดังนี้
การปฏิบัติตัวต่อผู้ป่วย
- ให้แยกคนป่วยให้อยู่ตามลำพัง และพยายามให้อยู่ห่างจากคนในครอบครัวที่เหลือโดยมีระยะห่างจากกันราว 2 เมตร เพื่อจะหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายสารคัดหลั่งจากคนป่วยสู่คนอื่นๆ
- พยายามทำความสะอาดพื้นผิววัสดุที่สามารถแพร่เชื้อระบาดต่อกันได้ให้มากที่สุด เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได
- ให้คนป่วยใส่หน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่กระจายสารคัดหลั่งขณะไอ หรือจาม
- สมาชิกในครอบครัวผู้ที่ต้องดูแลคนป่วยจะต้องใส่หน้ากากและถุงมือ นำไปทิ้งหลังใช้เสร็จ
- ล้างมือบ่อยๆ หลังจากให้ความดูแลคนป่วย
- อยู่ให้ห่างจากผู้สูงวัย
- ไม่ใช้เสื้อผ้า เครื่องนอน (ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม) ผ้าขนหนูร่วมกับผู้อื่น
- ทำความสะอาดเสื้อผ้าด้วยน้ำร้อน อย่างน้อย 80 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่านั้น อย่างน้อย 10 นาทีขึ้นไป เพื่อฆ่าไวรัส (กรณีที่คนป่วยอาจมีอาการอาเจียนหรือท้องเสีย)
- ปล่อยให้มีอากาศไหลเวียนเข้ามาในบ้านบ่อยๆ
- ทิ้งขยะที่อาจมีสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ โดยมัดปากถุงขยะอย่างแน่นหนาและนำไปทิ้ง
- ทำความสะอาดส้วมและห้องน้ำบ่อยๆ
- แม้ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการดีขึ้นหรือต้องนำส่งตัวไปโรงพยาบาล ก็อย่าได้วางใจ ให้เช็คอุณหภูมิร่างกายสมาชิกในครอบครัวสม่ำเสมอทั้งตอนเช้าและตอนค่ำ วันละ 2 ครั้ง ทำยาวนานราวสัปดาห์ เพราะไวรัสมีระยะฟักตัว และอย่าลืมใส่หน้ากากเมื่อต้องออกนอกบ้าน
การทานอาหารที่ทำเหมือนก่อนมีโรคระบาดไม่ได้แล้ว
- ให้ทุกคนในครอบครัวใช้จาน มีด ช้อนส้อม แยกกันใช้ ไม่ใช้รวมกัน
- ล้างมือก่อนทานอาหารทุกมื้อ
- ไม่ทานอาหารร่วมกันเหมือนเดิม ให้แยกอาหาร จานใคร จานมัน
- ให้เจือจางโซเดียม ไฮโปคลอไรด์ (มีมากในน้ำยาฟอกขาว เช่น ไฮเตอร์) ขนาด 2 ฝา กับน้ำเปล่าราว 2 ลิตร ทำความสะอาดผ้าขนหนู
- แช่จาน ชาม อุปกรณ์สำหรับทานอาหารในน้ำยาฆ่าเชื้อตามที่กล่าวมาข้างต้น อย่างน้อย 10 นาทีก่อนล้างออก และใช้แอลกอฮออล์เช็ดโต๊ะบ่อยๆ
ที่มา – CSSE JHU, Bloomberg, Nikkei Asian Review, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา