ฮ่องกงแก่เร็ว-สมองไหล เพราะคนรุ่นใหม่อยากย้ายประเทศ เหลือคนทำงานน้อยสุด ในรอบศตวรรษ

ประชากรย้ายประเทศเยอะๆ แล้วจะเกิดอะไร? กรณีของฮ่องกงที่แก่เร็ว-สมองไหล คือตัวอย่างที่ดีให้กับประเทศที่ความเป็นอยู่ไม่ดีพอให้คนรุ่นใหม่อยู่แล้วรู้สึกมีหวัง

ฮ่องกง คือเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการเงินแห่งเอเชีย แต่มาวันนี้ดูเหมือนว่าสถานะนี้กำลังเจอความท้าทายครั้งใหญ่ เพราะฮ่องกงกำลังเผชิญภาวะสมองไหล คนทำงานรุ่นใหม่ (และลูกๆ) พากันย้ายออกจากฮ่องกงในอัตราที่น่าใจหาย จำนวนคนทำงานลดลง สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ถูกผลักสู่ภาวะสังคมสูงวัย กลายเป็นเมืองแก่เร็ว

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จำนวนแรงงานฮ่องกงหายไปถึง 6% เหลือเพียง 3.75 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่เกือบจะน้อยสุดในช่วงทศวรรษ และในเดือนเมษายนที่ผ่านมาแค่ แรงงานหายไปรวดเดียวกว่า 33,700 คน เป็นจำนวนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 1990 เลยทีเดียว

และถ้าลองไปดูข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ก็จะพบว่าแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน เพราะ

  • ปี 2018 (ครึ่งแรกของปี) มีการอนุมัติวีซ่าทำงานกว่า 20,314 ฉบับ
  • ปี 2022 (ครึ่งแรกของปี) มีการอนุมัติวีซ่าทำงานแค่ 5,701 ฉบับ

แถมวีซ่าที่อนุมัติให้กับคนทำงานจากจีนแผ่นดินใหญ่ก็ลดลงราว 10%

ย้ายออกยกครัว-ส่งลูกเรียนนอก

ประเด็นก็คือ ถ้ามองภาพใหญ่ไปกว่าคนทำงาน โดยมองไปยังคนทั้งหมดที่ย้ายออก ตัวเลขก็ยังลดลงไปในทิศทางเดียวกัน เพราะในปี 2022 มีคนกว่า 121,500 ย้ายออกจากฮ่องกง ทำให้ประชากรหายไปกว่า 1.6% จนตอนนี้ฮ่องกงต้องเผชิญปัญหาประชากรลดลง 3 ปีติดต่อกัน แถมประชากรยังลดลงมากสุดในรอบกว่า 60 ปีเลยทีเดียว  

Cathay Pacific Planes park at Hong Kong Airport
ภาพจาก Shutterstock

ทั้งนี้เป็นเพราะนอกจากคนทำงานแล้ว บางคนก็ย้ายออกไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศกันทั้งครอบครัว หรือในบางกรณีก็พยายามส่งบุตรหลานตัวเองไปอยู่ต่างประเทศ

“แรงงานทักษะสูงคือสิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงมีชีวิตชีวาและคงสถานะศูนย์กลางทางการเงินเอาไว้ได้” Samuel Tsu นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร DBS อธิบาย สะท้อนให้ว่า พอมองในมุมกลับ สภาวะสมองไหลก็อาจบ่อนทำลายสถานะนี้ได้เช่นเดียวกัน

ทำไมคนฮ่องกง อยากย้ายออก?

จริงๆ แล้วมีหลายปัจจัยที่ผลักให้คนทำงานรุ่นใหม่ๆ ย้ายออกจากประเทศ ถ้ามองปัจจัยใกล้ๆ จะพบว่านโยบายคุมโควิดเข้มข้นก็เป็นปัจจัยที่ทำให้คนทำงานย้ายออก โดยมีรายงานว่าในช่วงที่ผ่านมาบริษัทต่างๆ ต้องย้ายพนักงานไปยังสาขาในสิงคโปร์เนื่องจากการทำธุรกิจระหว่างประเทศในฮ่องกงมีข้อจำกัด

นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องวัฒนธรรมการทำงานและเสรีภาพก็มีผล เพราะเคยมีการสำรวจจาก Youth I.D.E.A.S. ที่ชี้ว่า บริษัทท้องถิ่นหลายบริษัทยังมีวัฒนธรรมแบบเดิม เช่น บังคับให้พนักงานเข้าออฟฟิศตลอดเวลา ไม่ปรับตัวเข้าสู่การทำงานทางใกล้จึงทำให้คนรุ่นใหม่รวมถึงแรงงานต่างชาติไม่อยากทำงานด้วย

Hong Kong ฮ่องกง
ภาพจาก Shutterstock

โดยผลสำรวจระบุว่า 3 เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ทำให้แรงงานรุ่นใหม่อยากย้ายประเทศ คือ

  • ต้องการชีวิตการทำงานที่สมดุลกว่านี้ (41.5%)
  • หลายประเทศมีแผนเปิดรับคนฮ่องกง (34.9%)
  • ต้องการเสถียรภาพทางสังคมและการเมือง (34.9%)

บริษัทข้ามชาติก็อยากออก

นอกจากคนรุ่นใหม่แล้ว บริษัทข้ามชาติก็ยังอยากย้ายออกจากฮ่องกง โดยปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัทข้ามชาติย้ายออกคือการที่จีนมีความต้องการออกกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกง ทำให้ดินแดนที่มีลักษณะกึ่งอิสระ เริ่มมีความใกล้ชิดกับจีนแผ่นดินใหญ่อย่างน้อยก็ในเรื่องของระบบกฎหมาย 

ดังนั้น เศรษฐกิจและการเมืองฮ่องกงจึงมีความใกล้ชิดกับจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น ฮ่องกงที่กลายเป็นจีนมากยิ่งขึ้น จึงสูญมนต์เสน่ห์ของการเป็นเมืองตะวันออกบรรยากาศสากลที่มีความเสรีในการลงทุนไปทีละน้อย

Hong Kong Stock Exchange
ภาพจาก Shutterstock

ต่อจากนี้บริษัทต่างชาติอาจชายตามองสถานที่ข้างเคียงเพื่อเข้าไปลงทุน เพราะสถานะของฮ่องกงทุกวันนี้ค่อนข้างจะกำกวม จะเป็นจีนก็ไม่ใช่ จะสากลก็ไม่เชิง

สำหรับบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนในจีนโดยเฉพาะ ตัวเลือกอย่าง เซินเจิ้น หรือ เซี่ยงไฮ้ อาจดูเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่า แต่หากอยากได้ความเป็นสากลบริษัทต่างๆ ก็มีแนวโน้มจะไปลงทุนใน สิงคโปร์ มากขึ้น

ที่มา – Bloomberg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา