แม้แต่เบอร์ 1 ยังต้องปรับ HONDA จะลุยออนไลน์เพิ่ม ส่วนรถสปอร์ต-บิ๊กไบค์ยังมาแรงไม่ตก

A.P. HONDA ประเทศไทยแถลงผลการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีแรก ยอดขายเป็นอันน่าพอใจเพราะทะลุตามเป้าที่ตั้งไว้ ที่มาแรงยังคงเป็นรถสปอร์ตและรถบิ๊กไบค์ ส่วนการทำตลาดหลังจากนี้จะได้เห็นการลุยในโลกออนไลน์มากขึ้น

อ่านผลดำเนินการธุรกิจของ HONDA ครึ่งปีแรก 2017

HONDA เบอร์ 1 ของตลาดรถจักรยานยนต์ในไทย เพราะครองส่วนแบ่งตลาดไว้ถึง 78% และนี่ก็ผ่านมาเกินครึ่งปี 2017 แล้ว HONDA เลยแถลงผลการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา

สุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เล่าให้ฟังว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตลาดมีการเติบโต 4% “ถือว่าใช้ได้เลย” ตอนต้นปี HONDA คาดการณ์รถในตลาดไว้ที่ 1.8 ล้านคัน แต่ด้วยการเติบโตของตลาดในอัตรานี้เลยต้องปรับเป็น 1.85 ล้านคัน ในขณะที่ HONDA เองก็มั่นใจยอดขายรถรวมทั้งปีจะไปจบอยู่ที่ 1.46 ล้านคัน แน่นอนว่าตัวเลขนี้นับเป็น 78% ของตลาดรถจักรยานยนต์ในไทย

ครึ่งปีแรก HONDA มียอดจำหน่ายรถอยู่ที่ 1,084,995 คัน ส่วนยอดจดทะเบียนอยู่ที่ 850,995 คัน

ยอดขายรถในครึ่งปีแรก 2017 แบ่งเป็น 3 ประเภทได้ดังนี้

  • รถครอบครัว 489,942 คัน
  • รถเอ.ที. 269,686 คัน
  • รถสปอร์ต 91,327 คัน

นั่นหมายความว่าในครึ่งปีหลังตั้งเป้าไว้อีก 610,000 คัน แต่แม้ว่าจะเหลืออีกแค่ 5 เดือน (และเดือนตุลาคมจะไม่สามารถจัดกิจกรรมทางการตลาดหรือส่งเสริมการขายได้มาก) HONDA ก็ยังมั่นใจว่าจะยอดขายจะเป็นไปตามเป้าที่ได้วางไว้

สุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด

ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ภาพรวมออกมาดีมีหลายปัจจัย รองประธานกรรมการบริหาร ระบุว่า “ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมาจากภาพรวมของเศรษฐกิจ เช่น GDP ปีนี้ก็จะอยู่ที่ 3.5 สินค้าเกษตรก็ปรับตัวสูงขึ้น นักท่องเที่ยวมามากขึ้น แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าแรงซื้อไม่ดี แต่พวกเขาก็ยังมา”

นอกจากนั้น HONDA ก็ส่งรถออกมา 3 รุ่น เพื่อกระตุ้นตลาดด้วย นั่นคือ Honda Rebel 300 ที่ถือเป็นนิวโมเดลของฮอนด้า และผลิตภัณฑ์ใหม่อีกสองรุ่นที่ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเทคโนโลยีเข้ามานั่นคือ New MSX 125SF ABS และ All New Scoopy i (ถ้าสังเกตจะเห็นว่า 2 ใน 3 รุ่นนี้เป็นรถสปอร์ตหมายความว่า HONDA เห็นว่าตลาดนี้น่าเล่น)

รถสปอร์ต-บิ๊กไบค์ โตต่อเนื่อง

ถ้าจับแบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายรถทั้ง 3 ประเภทของ HONDA จะคิดเป็นรถครอบครัวที่ 48% รถเอ.ที. 35% และรถสปอร์ต 17% พูดโดยภาพรวมคือรถครอบครัวทรงตัวไปเรื่อยๆ ตามเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนรถเอ.ที จะลดลงเล็กน้อยเนื่องจาก ส่วนแบ่งตลาดถูกกระจายไปที่รถสปอร์ต ถ้าย้อนไปดูในปี 2011 สัดส่วนรถสปอร์ตของ HONDA ยังอยู่แค่ 2% ของยอดขายทั้งหมด แต่หลังจากปีนั้นเป็นต้นมาเมื่อลงมาเล่นในตลาดนี้ และส่ง MSX ออกมา ปรากฎว่ายอดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในปีนี้มาจบอยู่ที่ 17% ต้องถือว่าเป็นตลาดที่โตต่อเนื่องและมีศักยภาพมาก HONDA จึงจะไม่หยุดแค่นี้แน่ๆ

ถ้าดูในตลาดรถบิ๊กไบค์ HONDA ครองตลาดถึง 43% อย่างในปีนี้ที่ได้คาดการณ์ยอดขายในตลาดนี้ไว้ถึง 27,000 คัน ตัว HONDA เองก็มั่นใจว่าจะมียอดขายในตลาดบิ๊กไบค์ได้ถึง 11,600 คัน ถือว่าสูงมาก

HONDA ส่งรถสปอร์ต ไม่บอกราคา เปิดให้จอง ได้ผล

ด้วยความฮอตฮิตและยอดนิยมของรถสปอร์ต (HONDA นับรถสปอร์ตและรถบิ๊กไบค์รวมกัน แต่ถ้าจะแบ่งรถบิ๊กไบค์คือ 400 ซี.ซี. ขึ้นไป) ล่าสุด ส่งรถสปอร์ตที่ยังไม่บอกชื่อออกมาลงสู่ตลาด แต่ทำการตลาดที่ผู้บริหารบอกว่า “ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อนในโลก”

HONDA ปล่อยสปอตสินค้าตัวใหม่ (ลองไปดูได้ที่นี่) ทั้งๆที่ยังไม่เห็นสินค้า แต่บอกเพียงว่า “Honda รุ่นใหม่ New Modern Cafe เร็วๆนี้ พิเศษ เฉพาะ 3,000 ท่านแรก ที่จองและรับรถภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ รับฟรีแว่นกันแดด Honda Exmotion by Oakley มูลค่า 5,500 บาท ที่ Honda Wing Center”

สรุปว่ามีคนจองไปแล้วกว่า 500 คัน ผู้บริหาร บอกว่า “มันสะท้อนให้เห็นว่าเป็นเทรนด์ที่มาจริง และลูกค้าก็ยังเชื่อในแบรนด์ HONDA เราลองเอารถมาให้ลูกค้าดูว่า ถ้าไม่บอกราคา จะมีคนมาจองกันไหม สรุปว่าได้ผล มีคนจองไปแล้วกว่า 500 คัน” ส่วนคันที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ (4 กันยายน 2560) HONDA ตั้งเป้าขายไว้ที่เดือนละ 3,000 คัน

จะลุยออนไลน์มากขึ้น

นอกจากการส่งรุ่นใหม่ๆ ออกมาแล้ว การทำตลาดเป็นสิ่งที่ HONDA พยายามจะปรับ ในปีนี้เราจะได้เห็นการหันไปโฆษณาสินค้าผ่านทางรูปแบบออนไลน์มากขึ้น แต่งบในการทำออนไลน์ยังคงไม่แยกออกจากงบการตลาดโดยทั่วไป

แต่สิ่งหนึ่งที่ HONDA ย้ำคือ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค สมัยก่อนการซื้อรถต้องไปที่ร้าน แล้วลองรถ และจึงจะตัดสินใจซื้อ แต่สมัยนี้การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งสำคัญ เป็นตัวชี้วัดในการซื้อเลยก็ว่าได้ นอกจากนั้นตัวแทนจำหน่ายของ HONDA ที่มีอยู่ทั่วประเทศ รายไหนที่ยังไม่เข้าถึงการขายสินค้าบนออนไลน์ HONDA บอกว่าจะไปช่วยเหลือให้ทำการตลาดบนออนไลน์อีกด้วย (แต่ในรายละเอียดยังคงต้องติดตามกันต่อไป)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา