แม้ธุรกิจของ Nokia จะล้มหายตายจากไปแล้ว แต่แบรนด์ Nokia ยังทำตลาดอยู่ ผ่านการบริหารงานทั้งหมดโดย Startup จากฟินแลนด์อย่าง HMD Global ซึ่งในไทยนั้นทางบริษัทก็เร่งเครื่องเต็มที่ และอยากให้ Nokia กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
การทำตลาดที่ชูความเป็น Pure Android
หลังกลับมาทำตลาดโดย HMD Global เมื่อสองปีก่อน แบรนด์ Nokia ก็เร่งเครื่องทำตลาดอย่างหนักในประเทศต่างๆ ซึ่งไทยก็คือหนึ่งในประเทศเป้าหมาย แต่มาทั้งทีจะเน้นแค่ Feature Phone หรือโทรศัพท์ปุ่มกด เหมือนที่ Nokia โดดเด่นเมื่อนานมาแล้วก็คงไม่ได้ ดังนั้นการลงทุนทำตลาดเกือบทั้งหมดจึงไปที่ Smartphone
แต่ในไทยตอนนี้ก็มีแบรนด์ Smartphone ทำตลาดอยู่มากมาย โดยเฉพาะแบรนด์จีนที่มีจุดเด่นทั้งราคา และคุณสมบัติต่างๆ ทำให้มันไม่ง่ายเลยที่ Nokia จะแข่งขันด้วยเรื่องเดียวกัน
ผู้บริหารระดับสูงของ HMD อย่าง “เป็กกา รันทาลา” รองประธานบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่สูงสุดฝ่ายการตลาด ก็ออกมายืนยันว่าจะไม่ทำอย่างนั้น
“Smartphone ของเราทั้งหมดเป็น Pure Android ดังนั้นมันแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ เช่นการอัพเดทเฟิร์มแวร์, มาตรฐานความปลอดภัย และอื่นๆ ที่เร็วกว่าแบรนด์คู่แข่ง ซึ่งเราจะชูจุดเด่นเรื่องนี้ รวมถึงผู้บริโภคยุคใหม่ก็เข้าใจคำว่า Pure Android มากขึ้น ยิ่งเราเน้นช่องทางออนไลน์ในการสื่อสารไปหาผู้บริโภค เป้าหมายที่ตั้งไว้ก็คงไม่ยาก”
ต้องกลับมาติดท็อป 5 ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
สำหรับในไทยนั้นปัจจุบัน Nokia มีส่วนแบ่งในตลาด Smartphone อยู่ใน 10 อันดับแรก ผ่านการจำหน่าย Smartphone ทั้งหมด 14 รุ่น ครอบคลุมราคาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น หรือไม่เกิน 3,000 บาท จนถึงระดับเรือธงที่แตะ 20,000 บาท ซึ่งในปีนี้ทางแบรนด์จะเน้นทำตลาดรุ่นระดับกลาง หรือราคา 5,000-10,000 บาท
“ปีนี้ในประเทศไทยจะเน้นทำตลาด Smartphone รุ่นระดับกลางมากขึ้น และถึงจะมีแบรนด์จีนมากแค่ไหน แต่เราก็ยังมีชื่อของ Nokia ที่โดดเด่นในเรื่องความทนทาน และประสิทธิภาพคุ้มค่ากับราคา รวมถึงความเป็นแบรนด์ยุโรปหนึ่งเดียวในตลาดที่มีแต่แบรนด์จีน ดังนั้นเมื่อมันรวม Pure Android เข้าไป เราก็น่าจะเร่งเครื่องได้มากกว่านี้”
ดังนั้นเป้าหมายของ Nokia ในประเทศไทยปีนี้คือการกลับขึ้นมามีส่วนแบ่งในตลาด Smartphone เป็น 5 อันดับแรก เหมือนกับที่ในอดีตเคยทำได้ ซึ่งการจะทำอย่างนั้น Nokia มีแผนเปิดตัว Smartphone รุ่นใหม่ทุกเดือน และขยายช่องทางจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์, ค้าปลีกรายใหญ่ และลูกตู้ให้มากกว่าเดิม
ดึงรุ่น Retro มาทำใหม่ โดยเฉพาะ Feature Phone
ขณะเดียวกัน Nokia ยังมีแผนนำ Feature Phone รุ่นที่ประสบความสำเร็จในอดีตมาปัดฝุ่นเพื่อทำตลาดใหม่อีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีทำมาแล้วเช่นรุ่น 3310 และ 8110 เพราะตัวเลขยอดขายที่ออกมานั้นค่อนข้างน่าพอใจ และมีผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งเฝ้ารอการนำรุ่นเก่าๆ ของ Nokia มาขายใหม่ตลอดเวลา
“ในปี 2560 ทาง Nokia จำหน่ายโทรศัพท์มือถือไปกว่า 70 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งมีทั้ง Smartphone และ Feature Phone และปี 2561 มันก็มีแนวโน้มมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ยิ่งตอนนี้เรามีส่วนแบ่งติด 5 อันดับแรกทั้งหมด 30 ประเทศ ดังนั้นมันพิสูจน์แล้วว่ากลยุทธ์เราถูกต้อง และ Nokia ก็จะเดินแผนนี้ในไทยเช่นกัน”
ทั้งนี้ภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยปี 2562 อยู่ที่ 21 ล้านเครื่อง ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้ แบ่งเป็น Smartphone 19 ล้านเครื่อง และ Feature Phone 2 ล้านเครื่อง โดยในตลาดนี้มีโทรศัพท์มูลค่า 5,000-10,000 บาทกินสัดส่วนราว 50-60%
สรุป
หากนับถึงตอนนี้ Nokia ยังเป็นแบรนด์ที่เก่าแก่ และมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในคนรุ่นอายุ 25 ปีขึ้นไปอยู่ เพราะ 3310 ในเวลานั้นขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานเอามากๆ จึงไม่แปลกที่ตั้งแต่ก่อตั้งถึงปัจจุบัน Nokia จำหน่ายโทรศัพท์มือถือไปกว่า 6,000 ล้านเครื่องทั่วโลก แต่นั่นมันก็แค่อดีต ดังนั้นต้องดูปัจจุบันว่า Nokia จะแก้เกมกลับมาอย่างไรเพื่อให้ตัวเองกลับไปยิ่งใหญ่ได้เหมือนในอดีตอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่ามันต้องไม่ใช่แค่ Pure Android หรือ Retro แน่ๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา