มัลติแบรนด์สโตร์เดือด! HEJ Street Beauty น้องใหม่ ขอท้าชน Eveandboy

HEJ Street Beauty มัลติแบรนด์สโตร์แบรนด์ล่าสุดประเดิมเปิดสาขาแรกที่ถนนสีลม จับกลุ่มสาวๆ คอบิวตี้ เร่งขยาย 10 สาขาในปีนี้ ปั๊มรายได้ 500 ล้านบาท

ต้องเป็น One Stop Beauty

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ตลาดความงามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นธุรกิจดาวรุ่ง ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี GDP จะไม่โต แต่ตลาดความงามก็ไปได้สวย ในปี 2560 ที่ผ่านมามีมูลค่า 200,000 ล้านบาท เติบโต 6-7%

อีกหนึ่งเทรนด์ที่เห็นได้ชัดจากการโตของตลาดความงามก็คือ “ร้านมัลติแบรนด์” ร้านที่รวมแบรนด์เครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอมต่างๆ ไว้ด้วยกัน แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักก็คือ Eveandboy สามารถปรากฏการณ์ให้สาวๆ ติดแบรนด์นี้ได้ เพราะมีจุดเด่นที่สินค้าเยอะ ราคาถูก จึงได้เห็นการขยายสาขาอย่างหนัก และได้เห็นแบรนด์ใหม่ๆ เปิดขึ้นอีกด้วย เช่น Beautrium และ Stardust จากค่าย MPG (แมงป่อง)

ตลาดนี้ยังคงดุเดือด ในปีนี้มีอีกบรนด์กระโจนลงมาเล่นด้วยก็คือ HEJ Street Beauty ภายใต้การบริหารของ บริษัท ซีโฟร์ โกลบอล จำกัด เป็นบริษัทในเครือ กลุ่มบริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) ที่ประกอบธุรกิจผลิตพลาสติก และอสังหาริมทรัพย์ เท่ากับว่าการตั้งซีโฟร์ โกลบอลเป็นการ Diversify ธุรกิจครั้งใหญ่ แตกไลน์มากลุ่มรีเทล และความงาม เพราะเห็นการเติบโตสูง

HEJ Street Beauty ได้วางจุดยืนเป็นร้านมัลติแบรนด์ระดับแมส ซึ่งก็ถือว่าระดับเดียวกับแบรนด์อื่นๆ แต่ได้สร้างจุดเด่นด้วย One Stop Beauty เน้นสร้างประสบการณ์ในร้าน มีการตกแต่งแนวสตรีท มีจุดนั่งพัก และมีบริการเสริมในด้านความงาม เพื่อให้ลูกค้ามาที่เดียวได้ครบ

เปิดสาขาแรกที่อาคารญาดา ถนนสีลมด้วยพื้นที่ 250 ตารางเมตร มีสินค้า 200-250 แบรนด์ มีการดีลกับพาร์ทเนอร์เกาหลี อเมริกา และสวีเดนในการนำเข้าแบรนด์ที่เป็น Exclusive ที่เดียว

งานนี้ยังได้คว้ามือดีอดีตลูกหม้อเซ็นทรัลอย่าง “จารุวัลย์ วงศ์เจษฎาสกุล” ที่อยู่ในวงการรีเทลมากว่า 25 ปี มาบริหาร ขึ้นแท่นตำแหน่ง CEO ของ ซีโฟร์ โกลบอล

ตลาดความงามไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน แม้ว่าตลาดมีการแข่งขันสูง แต่ก็มีช่องว่างในตลาดให้เล่น จะเน้นที่สินค้าต้องวาไรตี้ หาสินค้า Exclusive ที่ยังไม่มีที่ไหนนำเข้ามา และสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภค รวมถึงสร้าง Omni Channel ด้วย”

ในปีนี้ได้ขยาย 10 สาขา เน้นทำเลศูนย์การค้าทั้งในกทม. และต่างจังหวัด เป็นจุดแข็งที่มองว่าคู่แข่งยังไม่ได้ขยายไปต่างจังหวัดมากนัก มองว่าในช่วง 3 ปีใช้งบลงทุน 2,000 ล้านบาท และต้องมีครบ 100 สาขาทั้งในไทย และอาเซียน

ในปีนี้เน้นขยายในไทย ไปหน้าเริ่มไปเปิดกลุ่มประเทศ CLMV และอินโดนีเซีย และปี 2021 จะเริ่มไปที่สวีเดน และยุโรป

อุดช่องว่างด้วยโลเคชั่น และมีหลายฟอร์แมท

แม้แบรดน์อื่นในตลาดจะมีจุดแข็งที่แตกต่างกันไป ทั้งเรื่องแบรนด์ ราคา และสินค้า แต่จารุวัลย์มองว่ายังมีจุดอ่อนเรื่อง “โลเคชั่น” ส่วนใหญ่ยังอยู่ในกรุงเทพฯ ทำให้ร้าน HEJ Street Beauty จะขยายสู่ต่างจังหวัดอย่างรวดเร็ว เช่น เชียงใหม่ ชลบุรี พัทยา หาดใหญ่ และนครศรีธรรมราช เพื่ออุดช่องว่างที่คู่แข่งไม่มี

รวมถึงการแตกฟอร์แมทใหม่ๆ ไม่ได้มีแค่ร้านค้าแบบอยู่ในห้างอย่างเดียว แต่จะมีไฮไลท์คือ Beauty Mobile มีร้านค้าขนาดเล็ก ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ และ Beauty Truck เป็นรถขายสินค้าเคลื่อนที่ 100 คัน จะเริ่มในสิ้นปีนี้ และจะเสริมด้วยออนไลน์ เพื่อให้เป็น Omni Channel

รูปแบบของ Truck จะมีสินค้าหลายพันรายการ แต่จะเน้นสินค้าราคาไม่แพง ซื้อง่ายๆ ไม่ต้องคิดมาก ตะเวนตามชุมชนทั่วประเทศ จะมีพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมเพื่อให้ลูกค้าได้ดูว่าต้องนี้ Truck อยู่จุดไหนแล้ว ต้องเป็นความสวยแบบสะดวก”

จารุวัลย์เสริมอีกว่าความสำคัญของ Truck ไม่ใช่แค่รถขายสินค้าที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายเท่านั้น แต่ยังเป็น Mobile Media เป็นเหมือนสื่อของแบรนด์ เพราะมีการแรปรถทั้งคัน ทำให้คนรู้จักแบรนด์ได้เร็วขึ้น รวมถึงต่อยอดอีคอมเมิร์ซได้ สามารถสั่งสินค้า แล้วรับสินค้าผ่าน Truck ได้ด้วย ทำให้ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้อีก

สำหรับในปีนี้ร้าน HEJ Street Beauty ตั้งเป้ารายได้ 500-600 ล้านบาท และใน 3 ปีจะต้องมี 3,000 ล้านบาทให้ได้

สรุป

– ถือเป็นการลงสนามแข่งที่มีการทำการบ้านพอสมควร เป็นแบรนด์ใหม่ แต่ไม่ได้ลงเล่นเรื่องราคาที่แบรนด์อื่นเล่นกันอย่างเดียว แต่สู้ศึกด้วยโมเดลใหม่ๆ เป็นการสร้างสีสันให้ตลาดให้ตลาดได้ด้วย

– ส่วนตัวมองว่าชื่อร้านเรียกยาก และยาวไปหน่อย ทำให้ยากต่อการจดจำ เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นที่สั้น และจำง่ายมากกว่า

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา