Grab ลงทุนเพิ่ม 3,300 ล้านในเมียนมาร์ ร่วมมือรัฐบาล-ธนาคาร-ท้องถิ่น ความได้เปรียบที่ Uber ทำไม่ได้

หลังจากที่เปิดตัวในเมียนมาร์ไปไม่นาน Grab ได้รับการตอบรับที่ดี จึงลงทุนเพิ่มอีก 100 ล้านเหรียญ ประกอบกับอัตราการใช้โทรศัพท์ของเมียนมาร์ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก คือสูงกว่าอินเดียหรือจีนเสียอีก Grab จึงลุยหนักหวังครองตลาดเมียนมาร์

Photo: GrabTH

Grab บุกเมียนมาร์ ลงทุนเพิ่ม 100 ล้านเหรียญ

Grab บริการเรียกรถร่วมโดยสารเบอร์ 1 ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วางแผนลงทุนในเมียนมาร์ 100 ล้านเหรียญ (กว่า 3,300 ล้านบาท) หลักๆ คือ เพื่อพัฒนาให้ทันกับการเติบโตของอัตราการใช้โทรศัพท์ที่เพิ่มขึ้นสูงมากในประเทศ และในขณะเดียวกันก็ถือโอกาสตีตลาดกับคู่แข่งอย่าง Uber

เงินลงทุนก้อนใหญ่ครั้งนี้ Grab วางแผนจะใช้ 3 ปี โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่น (นี่คือสิ่งที่ Grab ได้เปรียบในภูมิภาคนี้มากกว่า Uber ลองอ่านบทวิเคราะห์ ทำไม Uber ถึงตีตลาดเอเชียไม่สำเร็จ?)

โดยจะขยายบริการออกไปให้ทั่วเมียนมาร์ รวมถึงบริการ GrabPay ที่ได้พัฒนามาเพื่อรองรับการจ่ายเงินผ่านระบบดิจิทัลของตัวเอง พร้อมทั้งบอกว่า การลงทุนครั้งนี้จะช่วยทำให้เกิดการจ้างงานมากกว่าเดิมถึง 5 เท่า

Photo: GrabTH

เมียนมาร์ถือเป็นจุดยุทศาสตร์สำคัญของ Grab เนื่องจากอัตราการเติบโตของการใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มสูงมาก ในปี 2013 มีผู้ใช้งานอยู่ที่ประมาณ 15% แต่ในปี 2016 พุ่งขึ้นไปถึง 90% ถือเป็นประเทศที่มียอดการใช้งานโทรศัพท์เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดมาก มากกว่านั้น ธนาคารแห่งเอเชียยังระบุว่า ในปี 2015 เมียนมาร์มียอดการสมัครใช้งานโทรศัพท์มือถือมากกว่าอินเดียหรือจีนเสียอีก ทั้งๆ ที่จำนวนประชากรเทียบกับ 2 ประเทศนี้ไม่ได้เลย

Grab จึงต้องคว้าโอกาสในการทำตลาดเช่นนี้ไว้ให้ดี เพราะหลังจากที่เปิดตัวในเมียนมาร์ไปเมื่อเดือนมีนาคมนี้ จนถึงวันนี้มีผู้คนใช้งานวันละ 25,000 ครั้ง และมีคนขับรถมากกว่า 6,000 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในด้านของธนาคารในประเทศก็มีการสนับสนุนคือ CB Bank และ Wave Money ที่มาจับมือเป็นพันธมิตรกันเพื่อให้เกิดความสะดวกในการจ่ายเงิน โดยเฉพาะการจ่ายเงินแบบดิจิทัล(ไร้เงินสด)

ที่น่าสนใจคือ Grab เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการระดมทุนใหญ่จาก SoftBank ก็มั่นใจได้เลยว่าจะมีศักยภาพในตลาดอย่างแน่นอน

ที่มา – Bloomberg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา