Google ทำโครงการสมัครใจลาออก ผู้บริหารบอกต้องลดต้นทุนคน แล้วเอาเงินไปลงทุนด้าน AI

ในยุคที่ AI เข้ามาแทรกแซงทุกวงการ แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ‘Google’ ก็ต้านไม่ไหว 

ล่าสุด Google ประกาศโครงการ ‘สมัครใจลาออก’ หรือ ‘Voluntary Exit Program’ (VEP) กับพนักงานในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงทีมสำคัญอย่าง ‘Search’ และ ‘Ads’ 

โครงการ VEP กระทบหลายทีมหลักในบริษัท ทั้ง Core, Marketing, Research, Communications, และ Knowledge & Information (K&I) ซึ่งเป็นทีมที่ดูแลผลิตภัณฑ์หลักของ Google อย่าง Search, Ads, และ Commerce

จากบันทึกภายในที่ส่งถึงพนักงาน ‘Nick Fox’ ผู้บริหารฝ่าย K&I ย้ำว่า ใครที่ไม่รู้สึกอินกับเป้าหมายของทีม หรือทำผลงานไม่เข้าเป้า ก็ลองพิจารณาทางออกนี้ได้

แม้จำนวนของพนักงานที่เข้าร่วมโครงการนี้จะยังไม่ชัดเจน แต่นี่ถือเป็นการลดจำนวนพนักงานคลื่นใหญ่อีกระลอกที่ดำเนินมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ Google ปลดพนักงานกว่า 12,000 คนในปี 2023

ปลดคนทางอ้อม ในวันที่ AI ต้องมาก่อน

แล้วทำไม Google ไม่ ‘ปลด’ พนักงานแบบตรงๆ ไปเลย? 

คำตอบคือ เพราะบริษัทเคยโดน ‘กระแสตีกลับ’ มาแล้ว เมื่อปี 2023 การปลดพนักงานแบบสายฟ้าแลบ ทำให้หลายคนรู้สึกถูกตัดขาดแบบไร้สัญญาณเตือนล่วงหน้า และเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งภายในและภายนอกบริษัท

ครั้งนี้ Google จึงเปลี่ยนกลยุทธ์มาใช้วิธี ‘สมัครใจลาออก’ พร้อมข้อเสนอเงินชดเชยที่ดีกว่าเดิม เช่น เงินเดือน 14 สัปดาห์ + เพิ่มเติมตามอายุงาน โดยมองว่าเป็นวิธีลดแรงเสียดทาน รักษาความสัมพันธ์กับพนักงาน และลดผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร

ส่วนเหตุผลการลดคนจะชัดเจนมากขึ้น เมื่อย้อนกลับไปดูคำให้สัมภาษณ์ของ ‘Anat Ashkenazi’ ซีเอฟโอคนใหม่ของ Google ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม 2024 เธอประกาศอย่างตรงไปตรงมาว่า หนึ่งในเป้าหมายหลักคือการ  ‘ลดต้นทุน’ เพื่อเร่งลงทุนด้าน ‘AI’

Google กำลังเทงบจำนวนมหาศาลไปที่โครงสร้างพื้นฐาน AI ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และทรัพยากรคอมพิวติ้ง เพื่อรองรับการแข่งขันในยุค Generative AI ที่ดุเดือด จึงไม่แปลกที่แม้แต่ทีม Search หัวใจของบริษัท ก็ยังต้องถูกปรับโครงสร้าง

ถ้าจะอยู่ ก็ต้องเข้าออฟฟิศ

นอกจากเปิดทางให้ลาออกแล้ว Google ยังเพิ่มแรงกดดันอีกทางด้วยการเพิ่มมาตรการกลับเข้าออฟฟิศ โดยเฉพาะพนักงานในสหรัฐฯ ที่ทำงานแบบ remote และอยู่ห่างออฟฟิศไม่เกิน 50 ไมล์ จะถูกขอให้กลับเข้าออฟฟิศอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ตามนโยบายไฮบริด

วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมวัฒนธรรมการร่วมงานแบบตัวเป็นๆ ตามที่ Google ยืนยัน แต่ยังเป็นการเร่ง ‘คัดกรอง’ พนักงานอีกชั้นหนึ่ง เพราะหากใครไม่สะดวกกลับออฟฟิศ ก็สามารถเลือกใช้สิทธิลาออกตามโครงการได้

จาก Layoff สู่ Buyout: แนวทางใหม่ของ Big Tech

เคสของ Google สะท้อนให้เห็นแนวโน้มใหม่ในวงการเทคโนโลยี ที่เริ่มเปลี่ยนจากการ ‘ปลด’ พนักงานฉับพลัน (layoff) มาเป็นการเปิดทางเลือกให้ออกแบบ ‘สมัครใจ’ (buyout) เพื่อจัดการทรัพยากรบุคคลแบบละมุนละม่อมมากขึ้น

แม้สุดท้ายปลายทางคือ ‘การลดคน’ เหมือนกัน แต่ความแตกต่างอยู่ที่ ‘วิธีการ’ และ ‘ทัศนคติ’ ต่อพนักงานที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันด้าน AI ต้องใช้ทั้งงบประมาณมหาศาล และคนที่พร้อมจะเดินหน้าไปกับองค์กรเท่านั้น

Google ไม่ได้แค่ปรับลดจำนวนคนเพื่อลดต้นทุน แต่กำลัง ‘คัดกรอง’ คนที่ยังเชื่อในวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัท โดยเฉพาะทิศทางที่เน้น AI เป็นศูนย์กลาง ใครยังอินกับเป้าหมายบริษัทก็อยู่ต่อ ใครไม่ตรงจริต ก็มีทางเลือกที่ไม่ต้องฝืน

นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อาจกำลังมา ไม่ใช่แค่สำหรับ Google แต่สำหรับทั้งอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ ซึ่งเห็นได้เลยว่า AI ไม่ได้แค่เปลี่ยน ‘วิธีทำงาน’ แต่ยังเปลี่ยน ‘โครงสร้าง’ องค์กรไปด้วย

ที่มา: CNBC, Business Insider, Tech in Asia

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา