บทสรุปราคาทองคำขาขึ้นทะลุ 22,000 บาท จับจังหวะซื้อขายอย่างไร?

เศรษฐกิจโลกมีสถานการณ์ที่ทำให้ความเสี่ยง และความผันผวนสูงขึ้น ดังนั้นเม็ดเงินบางส่วนไหลเข้าไปอยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) เช่น ทองคำที่ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง

ที่มา รวบรวมจากสมาคมค้าทองคำ

เปิด 3 สาเหตุราคาทองคำขาขึ้นทะลุบาทละ 22,000 บาท

นักวิเคราะห์หลายแห่งมองว่าปี 2019 เป็นปีที่หลายคนมองว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว บางประเทศเริ่มเห็นสัญญาณกันถดถอย ดังนั้นประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกอย่างไทย ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน โดยไตรมาส 2 ปีนี้ GDP ไทยโตต่ำ 3% แล้วซึ่งถือว่าโตต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริงของประเทศไทย

ทั้งนี้สถานการณ์ทั้งเก่าและใหม่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้ความเสี่ยง ความผันผวนในการลงทุนมีมากขึ้นส่งผลให้เงินทุนไหลเวียนไปที่สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) เช่น ทองคำ ฯลฯ ที่เห็นได้ชัดคือตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันราคาทองคำเพิ่มขึ้นมาสูงทะลุบาทละ 22,000 บาท โดยสถานการณ์หลักที่สร้างความไม่มั่นคงให้ราคาทองคำมาจาก 3 ข้อหลัก ได้แก่

  1. สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน เป็นสถานการณ์ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว และยังสร้างความหวั่นไหวให้ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทั้งจีนและสหรัฐที่ตอบโต้กันไปมา ได้แก่
      • จีน – ประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ โดยจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 2 รอบ เริ่มใช้วันที่ 1 ก.ย. และวันที่ 15 ธ.ค.2019 รวมวงเงินมูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
      • สหรัฐ – แม้เคยประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจีนไปแล้ว ล่าสุดประกาศเพิ่มอัตราภาษี 2 หมวด ได้แก่
          • เพิ่มภาษีสินค้านำเข้าเป็น 15% จาก 10% มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เริ่มใช้ 1 ก.ย. 2019
          • เพิ่มภาษีสินค้านำเข้าเป็น 30% จาก 25% มูลค่ารวม 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เริ่มใช้ 1 ต.ค. 2019

        แม้ล่าสุดมีข่าวว่าจีนอยากกลับมาเจรจาการค้ากับสหรัฐ ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียวันถัดมาเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าสงครามการค้ายังไม่จบลงง่ายๆ เพราะข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศยังไม่เห็นความชัดเจน

  2. สถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ระหว่างญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ โดยเดือนก.ค. 2019 ที่ผ่านมาทางญี่ปุ่นออกมาตรการควบคุมการส่งออกวัสดุที่ใช้สำหรับการผลิตชิพและจอแสดงผล โดยใช้เหตุผลเรื่องความมั่นคง ส่วนสถานการณ์ระหว่างเกาหลีใต้-สหรัฐฯ ซึ่งเมื่อสหรัฐซ้อมรบทางทหารเข้าข่ายละเมิดข้อตกลงที่ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐและคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ หากมีข่าวใหม่ๆ ที่สร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอาจทำให้คนหันมาซื้อทองมากขึ้น
  3. ความเสี่ยงด้านตลาดเงินตลาดทุน ทั้งเม็ดเงินนักลงทุนที่ไหลไปทั่วโลก นอกจากนี้ต้องจับตามองนโยบายการเงิน โดยเฉพาะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สวนทางกับช่วงต้นปีที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่า FED จะปรับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น แต่เมื่อ FED เลือกลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายทำให้นักลงทุนมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจ
ภาพจาก Shutterstock

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เกิดขึ้นทั้วโลก ทั้งความตึงเครียดในตะวันออกกลางกระทบต่อราคาน้ำมัน และสถานการณ์ Brexit ที่อังกฤษจะออกจากการเป็นหนึ่งในสหภาพยุโรป ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง เพราะนักลงทุนกลัวว่าเศรษฐกิจของอังกฤษอาจจะแย่ลงหากเป็นการ No-Deal Brexit

ระยะนี้แม้ว่าราคาทองคำยังขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะแรงกดดันจากสงครามการค้าที่อาจทำให้การค้าโลกชะลอตัวและอาจนำสู่ FED ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการลงทุนในทองคำนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังแนะนำให้ลงทุนในระยะสั้น คือ ซื้อและขายทำกำไรในระยะสั้น

โดยปัจจัยที่อาจทำให้ราคาทองคำลดลงมา ได้แก่ หากมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED ภายใต้สมมติฐานว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะดีขึ้นน่าจะทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะเดียวกันจะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น ดังนั้นอาจเห็นเม็ดเงินไหลกลับเข้าในสกุลดอลลาร์สหรัฐทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ดังนั้นราคาทองคำอาจจะปรับตัวลดลงเมื่อเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น

บริษัท ออสสิริส จำกัด (Ausiris Gold) แนะนำการซื้อ-ขายทองคำวันนี้ (ทองคำแท่ง 96.5%) จุดซื้ออยู่ที่ 22,000 บาท หรือ Spot Gold ที่ 1,515 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จุดขาย 22,230 บาท หรือ Spot Gold ที่ 1,540 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ที่มา –  Ausiris Gold, YLG Bullion International

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา