ตอนนี้คนรุ่นใหม่นิยมปิดเสียงโทรศัพท์มากขึ้น และเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้วที่โอเปอเรเตอร์ชะลอการทำตลาดเสียงรอสาย-เสียงเรียกเข้า แต่ทำไม LINE Melody บริการเสียงเรียกเข้า-เสียงรอสาย ใน LINE ถึงมียอดโตต่อเนื่อง
จับกระแส Generation Mute ระดับโลก
นอกจากคนรุ่นใหม่จะถูกจัดอยู่ใน Generation Y หรือ Z พวกเขายังถูกจัดอยู่ใน Generation Mute ด้วย เพราะคนเหล่านี้นิยมปิดเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือทั้งเวลาอยู่ในที่สาธารณะ และอยู่ในที่ส่วนตัว จุดนี้เองทำให้ความนิยมของการใช้งานเสียงเรียกเข้า-เสียงรอสาย หรือ Ring Tone กับ Ring Back Tone ลดลง
อ้างอิงจากผลสำรวจของบริษัทเทคโนโลยี Sensor Tower พบว่า การดาวน์โหลดเสียงเรียกเข้าลดลงเกือบ 25% ระหว่างปี 2016-2020 หรือจาก 4.6 ล้านครั้ง เหลือ 3.7 ล้านครั้ง ซึ่งมันเทียบไม่ได้กับยอดดาวน์โหลดเสียงเรียกเข้าเพลง Axel F ของ Crazy Frog กว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2004
ขณะเดียวกัน Ofcom หรือ กสทช. ของสหราชอาณาจักร พบว่ามีเพียง 15% ของคนอายุ 16-24 ปีที่มองว่าการโทรศัพท์คือวิธีสำคัญในการสื่อสาร แต่กลุ่มคนดังกล่าว 49% แจ้งว่า พวกเขายินดีจะตอบอีเมล, ส่งข้อความ หรือใช้งานแอปพลิเคชันพูดคุยต่าง ๆ จึงไม่แปลกที่เมื่อพวกเขามีโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา เสียงเรียกเข้าก็ไม่จำเป็น
ความยิ่งใหญ่ของเสียงรอสาย-เสียงเรียกเข้าในไทย
Brand Inside ได้สอบถามไปถึงโอเปอเรเตอร์ทุกรายเกี่ยวกับบริการเสียงเรียกเข้า-เสียงรอสาย แต่ทั้ง AIS, dtac และ True ต่างปฏิเสธการให้ข้อมูล โดยแจ้งว่าไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนนี้แล้ว อาจแสดงให้เห็นถึงการเสื่อมความนิยมของเสียงเรียกเข้า-เสียงรอสายในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นลองมาย้อนดูความรุ่งเรืองของเสียงเรียกเข้า-เสียงรอสายในอดีตว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน ซึ่งต้องไล่ตั้งแต่ยุค Feature Phone หรือโทรศัพท์ปุ่มกด ที่มีการให้ดาวน์โหลดเสียงเรียกเข้าเพลงละหลายสิบบาท แถมมีการจำหน่ายหนังสือที่รวมทำนองของเพลงต่าง ๆ มาให้ผู้ใช้ได้กดแต่งเพลงเองด้วย
หลังจากนั้นเริ่มพัฒนาสู่บริการเสียงรอสาย ที่คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ ถ้าอ้างอิงจากข่าวในอดีตจะพบว่า สิบกว่าปีก่อน AIS สามารถทำยอดขายเสียงรอสายได้กว่า 20 ล้านบาท แถมต้องเพิ่ม Call Center เพื่อขายเพลงรอสายโดยเฉพาะกว่า 70 คนด้วย และ dtac กับ True ต่างชิงรายได้จากบริการเสริมนี้อย่างดุเดือด
กลับขั้วจากโอเปอเรเตอร์สู่แอปพลิเคชัน
หลายแอปพลิเคชันแย่งชิงรายได้บริการเสริมของโอเปอเรเตอร์ต่อเนื่อง ซึ่งบริการเสียงเรียกเข้า-เสียงรอสายคือหนึ่งในนั้น เพราะ LINE ได้ให้บริการ LINE Melody ในประเทศไทยมาครบ 2 ปี และมียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านราย มียอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 117% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ถือเป็นการเติบโตสวนทางกับตลาดเสียงเรียกเข้า-เสียงรอสายที่น่าสนใจ เพราะจริง ๆ แล้วราคาของ LINE Melody ไม่ได้ถูก เฉลี่ยที่ 60 บาท เทียบกับเสียงรอสายของ AIS ที่มีราคาซื้อขาดที่ 29 บาท หรือแพงกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว อาจชี้ให้เห็นว่า การโทรผ่าน LINE กลายเป็นเรื่องปกติ และผู้ใช้กลุ่มนี้ยินดีที่จะเปิดเสียงเรียกเข้า
ทั้งนี้ LINE ตั้งเป้าว่า LINE Melody จะมีจำนวนสั่งซื้อ และผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 70% ภายในสิ้นปีนี้ จะเรียกว่าค่อนข้างท้าทายก็ได้ เพราะอย่างที่เห็นว่ากระแสการปิดเสียง และนิยมพูดคุยด้วยข้อความเกิดขึ้นทั่วโลก แต่เหตุที่ LINE Melody เติบโตได้ก็เพราะตอบโจทย์ผู้ที่ยังชื่นชอบเสียงเรียกเข้า-เสียงรอสายได้
สรุป
เสียงเรียกเข้า-เสียงรอสาย อาจเสื่อมความนิยมในคนรุ่นใหม่ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มใช้งานอยู่ ไม่เช่นนั้น LINE Melody คงไม่เติบโตเป็นเท่าตัวอย่างที่เห็นกัน อย่างไรก็ตาม ในมุมของโอเปอเรตอร์ เสียงเรียกเข้า-เรียงรอสาย คงไม่ใช่บริการเสริมที่ต้องให้ความสำคัญเหมือนในอดีตแล้ว
อ้างอิง // The Guardian
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา