พฤติกรรม 4 อย่างที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น จากการสอบถามผู้คนผ่านโซเชียลมีเดียกว่า 3 แสนคน โดยคนที่เคยมีอาการซึมเศร้าและหมดไฟมาก่อน
เรื่องเล่าจาก Julian Sarafian ชายหนุ่มอนาตคตไกล วัย 28 ปี จบการศึกษาจาก Berkeley และ Harvard ลาออกจากสำนักงานกฎหมายที่สร้างรายได้ให้เขาถึง 2 แสนเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 6.5 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 5.4 แสนบาทต่อเดือน
เขาลาออกเพราะมีอาการซึมเศร้าและรู้สึก Burnout หรือหมดไฟจากงานที่ทำ จากนั้นเขาจึงหันมาให้ความสำคัญกับการทำกิจวัตรประจำวันที่ทำให้สุขภาพดีขึ้น เขาหันมาก่อตั้งสำนักงานกฎหมายเล็กๆ ของตัวเองและสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพจิต สุขภาพกายที่ดีขึ้น
Sarafian มีผู้ติดตามทั้งใน TikTok, LikedIn และ Instagram รวมกว่า 3 แสนราย ล่าสุดเขาตั้งคำถามว่า พฤติกรรมเล็กๆ ที่ทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคืออะไร? คำตอบออกมาคล้ายๆ กันและสามารถแบ่งได้ 4 เรื่อง ดังนี้
1. รู้จักปฏิเสธ เรียนรู้ที่จะพูดคำว่า “ไม่”
ก่อนหน้านี้ เขาเคยคิดว่าควรไปให้ชีวิตดำเนินไปอย่างยืดหยุ่น แต่เขาก็พบว่า การตอบรับ หรือตกปากรับคำอยู่ตลอดเวลามันทำให้ภาระงานเพิ่มขึ้น กิจกรรมทางสังคมเยอะขึ้น จนในที่สุดเขาก็ต้องเสียสละสิ่งที่จำเป็น สิ่งที่เขาต้องการแลกไปกับความต้องการของผู้อื่น
นับตั้งแต่นั้น เขาจึงเรียนรู้ที่จะปฏิเสธ หรือพูดคำว่าไม่ มันทำให้เขาได้พบว่า เขากลายเป็นคนที่รุ่มรวยมากขึ้น มีเวลาที่จะทำในสิ่งที่ตั้งใจหรืออยากทำหรือสำคัญกับตัวเองมากขึ้น เขาบอกว่ามันอาจเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นหรือยากสักหน่อยกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำ แต่ก็ลองท้าทายตัวเองด้วยการปฏิเสธอย่างน้อยสักสัปดาห์ละครั้งก็ได้
2. ฝึกเรียนรู้ที่จะขอบคุณ
เขาบอกว่า การเรียนรู้ที่จะตอบสนองเชิงบวกมันได้ผลดีกว่าการตอบสนองเชิงลบ เขาเรียนรู้ที่จะทำ Gratitude Journal หรือจดบันทึกประจำวันเพื่อแสดงความขอบคุณต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
เมื่อไรก็ตามที่รู้สึกแย่ เขาจะพยายามตอบคำถามเหล่านี้
- เมื่อไม่นานมานี้ มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นและดีกว่าที่คาดหวังไว้บ้าง?
- เป้าหมายอะไรบ้างที่ทำสำเร็จ มันทำให้ชีวิตแตกต่างจากเดิมอย่างไร?
- วันนี้มีเรื่องอะไรที่รู้สึกอยากขอบคุณบ้าง?
เขาบอกว่า หลังจากที่เขาตอบคำถามเหล่านี้เสร็จ เขามีความรู้สึกมั่นคงมากขึ้น รู้สึกขอบคุณ และทำให้ตัวเองมุ่งเป้าไปในสิ่งที่มีอยู่ มากกว่าสิ่งที่คาดหวังแทน
3. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายในที่นี้เป็นประเภท Somatic exercise หรือการเคลื่อนไหวร่างกายแบบนุ่มนวล มีสมาธิกับการสร้างประสบการณ์ภายใน ในขณะที่เคลื่อนตัว การออกกำลังกายประเภทนี้ เช่น การเต้น การฝึกโยคะ การฝึกพิลาทิส การออกกำลังกายแบบไอกิโด (ศิลปะการต่อสู้แบบญี่ปุ่น) เป็นต้น
หลายๆ คนที่ตอบคำถามเขาก็มักจะรวมการฝึกโยคะไว้ในกิจวัตรประจำวันด้วย เวลาที่เครียด การเล่นโยคะก็ช่วยผ่อนคลายได้มาก เขายกตัวอย่างท่าโยคะ เช่น ท่าแมว-ท่าวัว และท่าเด็กหมอบ เป็นต้น นอกจากฝึกโยคะแล้ว การออกกำลังกายที่แนบชิดกับธรรมชาติ เช่น การเดินระยะสั้นๆ ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้
4. ลด ละ เลี่ยง เลิก พฤติกรรมที่เป็นพิษหรือ Toxic สำหรับตัวเอง
เขายกตัวอย่างการทำ Phone Detox มันช่วยพัฒนาสุขภาพจิตได้มาก ทำอย่างไร? เขาแนะนำให้ปิดการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์บ้าง อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง หรือไม่ก็กำหนดเวลาการใช้งานโทรศัพท์มือถือบ้าง เพื่อจำกัดเวลาที่คุณจะเข้าแอปที่คุณชื่นชอบหรือใช้มันเป็นประจำ
นอกจากนี้ก็มีคำแนะนำว่าให้ลดพฤติกรรมที่ทำให้คุณสุขภาพแย่ลงบ้าง เช่น ลดการสูบบุหรี่ ลดการดื่มเหล้าบ้าง ก่อนหน้านี้ เขาเองก็เคยใช้กัญชาเป็นปกติแต่ก็พบว่าเมื่อเขาลดการใช้กัญชา ก็ทำให้เขา Productive มากขึ้น
และนี่ก็คือ 4 เรื่องที่คนเคยมีอาการซึมเศร้าและหมดไฟต้องการจะเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองเพื่อให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากสอบถามผู้คนผ่านโซเชียลมีเดียที่มีคนติดตามกว่า 3 แสนรายก็พบว่า 4 พฤติกรรมที่คนทำคล้ายกันมากที่สุดและสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ก็คือ เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ เรียนรู้ที่จะขอบคุณ หมั่นดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และลดละเลี่ยงหรือเลิกพฤติกรรมที่ทำให้สุขภาพแย่ลงเสียบ้าง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา