The Wall Street Journal รายงานว่า Darren Woods ซีอีโอของ Exxon Mobil และ Mike Wirth ซีอีโอของ Chevron ได้มีการพูดคุยกันถึงโอกาสที่จะควบรวมกิจการกัน โดยมีการเกริ่นถึงเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ต้นปี 2020 แต่เรื่องก็ไม่คืบ
ส่วนการที่มีข่าวออกมาในต้นปี 2021 หลายคนมองว่า เป็นการโยนหินถามทาง ส่วนอีกปัจจัยคือเป็นเพราะวิกฤตโควิดที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันโลกอย่างหนัก
มีรายงานว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2020 ลดลงต่ำกว่าปี 2019 ประมาณ 9.1 ล้านบาร์เรล ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกกว่า 4%
หาก Exxon กับ Chevron ควบรวมกิจการกันจริง นี่จะกลายเป็นการควบรวมกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของทุกบริษัทในโลก
- Exxon มีมูลค่าตลาดกว่า 1.9 แสนล้านดอลลาร์
- Chevron มีมูลค่าตลาดกว่า 1.64 แสนล้านดอลลาร์
- หากควบรวมกัน จะทำให้มีมูลค่าตลาดรวมกันสูงกว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์ ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองลงมาจาก Aramco ยักษ์ใหญ่น้ำมันโลกของซาอุดิอาระเบีย
แต่ไม่ว่าจะเกิดการควบรวมกันจริงหรือไม่ ความท้าทายคือการควบรวมกิจการของยักษ์ใหญ่ 2 รายที่จะถูกตั้งคำถามจากหน่วยงานกำกับดูแลว่าจะทำให้เกิดการผูกขาดหรือไม่ (แหล่งข่าวของ Reuters บอกว่า ทั้ง Exxon กับ Chevron เห็นตรงกันว่า ประเด็นทางกฎหมายในการควบรวมเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุด) รวมถึงภายใต้รัฐบาลใหม่ของสหรัฐอเมริกาที่นำโดยโจ ไบเดน มีแนวนโยบายต่อเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งก่อนหน้านี้ ไบเดนเคยบอกว่า จะนำพาประเทศเปลี่ยนผ่านออกจากอุตสาหกรรมน้ำมัน (transition away from the oil industry) ไปสู่พลังงานสะอาด
- ลาก่อนพลังงานเชื้อเพลิง อเมริกาสร้างโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกมุ่งหน้าพลังงานสะอาด
- ไบเดนประกาศ รถยนต์ทุกคันของรัฐบาลต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และผลิตในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
เมื่อช่วงกลางปี 2020 มีข่าวว่า Exxon ปลดพนักงานกว่า 1,600 คน เหตุเพราะความต้องการน้ำมันลดลงอย่างมากเนื่องจากวิกฤตโควิด รวมถึง Shell และ BP ก็มีแนวนโยบายลดคนไม่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมา ภาพรวมหุ้นของ Exxon ตลอดทั้งปีลดลงถึง 29% คาดการณ์ว่าไตรมาส 4/2020 จะขาดทุนรวมกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ส่วน Chevron ก็ไม่แพ้กัน ภาพรวมหุ้นลดลงรวมตลอดปีถึง 20% และได้รายงานผลประกอบการไปแล้ว ปราฏว่าขาดทุนรวมทั้งปี 2020 ถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์
ที่มา – WSJ, The Guardian
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา