ดีแทค บิสิเนสชู 5G Mobile Private Network บน AWS ขับเคลื่อนดิจิทัลสู่กลุ่มธุรกิจไทย

อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) คือการรวมเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น Internet of Things (IoT), Machine Learning (ML), คลาวด์และเอดจ์คอมพิวติ้ง, เซ็นเซอร์อัจฉริยะ และอุปกรณ์ล้ำสมัยอื่นๆ เข้าสู่กระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม โดย 5G MPN จะถูกนำมาใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมดที่สนับสนุนระบบซัพพลายเชนอัตโนมัติที่ดำเนินการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์

ดีแทค บิสิเนส นำ 5G MPN เพื่อพลิกโฉมธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดย 5G MPN จะใช้งานบน AWS พร้อม 3 โซลูชันหลักผ่านระบบ Edge ได้แก่ IoT, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning (ML) โดย 5G MPN เป็นระบบหลัก 5G ที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานเฉพาะขององค์กรในการทำงานร่วมกับเอดจ์คอมพิวติ้ง บนคลื่น 26 GHz พร้อมระบบสำหรับการประมวลผลข้อมูล ซึ่งมั่นใจได้ในความเสถียรสูง (High reliability) ความหน่วงต่ำ (Low latency) และความปลอดภัยที่เหนือกว่า (Superior security)

นายซาดัท ซามาน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ บริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “สถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาได้พลิกโฉมธุรกิจค้าปลีกและอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทย โดย 5G MPN คือกุญแจสำคัญที่จะมาสนับสนุนกลุ่มธุรกิจให้เพิ่มประสิทธิภาพและการประหยัดต้นทุนสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งสนับสนุนระบบคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าให้ปรับเข้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถในการออกแบบและปรับเปลี่ยนของโซลูชันคลาวด์คอมพิวติ้งให้ตรงความต้องการ เราจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย เช่น IoT และระบบอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ เพื่อสนองทิศทางก้าวสู่ดิจิทัล และเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจไทย”

ดีแทค บิสิเนส นำ AWS แพลตฟอร์มคลาวด์ที่ครบครันและใช้งานในวงกว้างที่สุดระดับโลก สู่การออกแบบ 3 โซลูชันเพื่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจ

  • Robotics Automation – โซลูชันหุ่นยนต์ที่ออกแบบการทำงานสำหรับคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าเพื่อบริการจัดการแบบอัตโนมัติ หรือ Automation โดยเมื่อหุ่นยนต์ได้รับคำสั่งจะทำการเคลื่อนที่ไปยังชั้นเก็บสินค้านั้น ๆ ด้วยการเชื่อมต่อด้วย 5G MPN โดยอัตโนมัติเพื่อทำการขนส่งสินค้า จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้ายสินค้า ลดเวลา และยังสามารถลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากคนทำงานได้อีกด้วย
  • Predictive maintenance – โซลูชันที่ใช้แมชชีนเลิร์นนิงร่วมกับ 5G MPN เพื่อตรวจจับสภาวะผิดปกติในอุปกรณ์สำหรับคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า พร้อมทั้งช่วยให้คาดการณ์ซ่อมบำรุง หรือ Predictive Maintenance ให้กับกระบวนการทั้งหมด โดย Monitron Sensor เมื่อทำงานร่วมกับ 5G MPN ในรูปแบบ Massive IoT จะสามารถรองรับได้สูงสุดถึง 1 ล้านเซนเซอร์ โดยการมอนิเตอร์การเคลื่อนไหว (Vibration) และ / หรืออุณหภูมิ (Temperature) แล้วทำการส่งค่าไปปยังศูนย์ควบคุม (Control Center) เพื่อประมวลผลโดยแมชชีนเลิร์นนิง และแจ้งเตือนเมื่อพบรูปแบบที่ผิดปกติ ดังนั้น ผู้ประกอบการสามารถแก้ไขทันที ก่อนที่จะนำไปสู่ความเสียหายหรือการหยุดชะงัก (Downtime) ในการบริหารสินค้าได้
  • Video Analytic – โซลูชันกล้องอัจฉริยะในการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ที่เชื่อมต่อกับ 5G MPN ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการคลังสินค้าได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ใช้ในการแจ้งเตือน เมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาในบริเวณหวงห้าม หรือพื้นที่ที่กำหนดเป็น High-Value Asset ซึ่งจะช่วยให้เกิดการมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์ เพิ่มความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย และรองรับการทำงานได้ทุกพื้นที่

นายวัตสัน ถิรพัฒนพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AWS กล่าวว่า “การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งขับเคลื่อนโดย 5G MPN จะช่วยให้ธุรกิจได้เปรียบในการแข่งขันและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเต็มที่จากวิกฤตโรคระบาด จึงน่ามีโอกาสเปลี่ยนสู่ดิจิทัลเพิ่มเป็น 2 เท่า และเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในทางธุรกิจ ทั้งนี้ ด้วย AWS ของเรา ดีแทค บิสิเนส สามารถสร้างเครือข่ายที่ปลอดภัยและกำหนดซอฟแวร์ที่นำมาใช้งานทางธุรกิจได้ง่าย และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า เดินหน้าสร้างนวัตกรรมที่จะช่วยปลดล็อกการเติบโตทางเศรษฐกิจ”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา