DKSH ประเทศไทย เร่งเครื่องธุรกิจกลุ่มสุขภาพด้วยบริการดิจิทัล ตอบโจทย์ฝั่งโรงพยาบาล และผู้บริโภคทั่วไป ประคองธุรกิจให้เติบโต หลังปี 2023 การยังระบาดของโรคโควิด-19 ทำรายได้เติบโตในอัตรา High Single Digit ย้ำธุรกิจนี้สำคัญเพราะกินสัดส่วนรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง และไทยเป็นรายได้ 30% จากธุรกิจทั่วโลก
DKSH จับเทรนด์สุขภาพเดินหน้าธุรกิจในไทย
แพทริค แกรนเด รองประธานฝ่ายบริหาร หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DKSH ประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า เทรนด์สุขภาพในไทยหลังจากนี้ประกอบด้วยการเข้าสู่ Super Aged Socity ในปี 2050 ผ่านการมีคนที่อายุมากกว่า 65 ปี คิดเป็นมากกว่า 30% และ 10% เป็นคนที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป
“การมีอายุยืนขึ้นจะเกิดกับกลุ่มเพศหญิงมากกว่า และหากอ้างอิงข้อมูลของสหประชาชาติ หรือ UN จะพบว่า ไทยจะเป็นประเทศอันดับที่ 4 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีอัตรากลุ่มวัยแรงงานที่อายุระหว่าง 15-64 ปี โดยเป็นรองแค่ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ เท่านั้น”
รวมถึงหลังการระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มทุเลา ทำให้โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มีผลกระทบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง, โรคเกี่ยวกับหัวใจ, เบาหวาน และโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ซึ่ง NCDs จะกระทบกับเศรษฐกิจไทยด้วยมูลค่า 1.6 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 9.7% ของมูลค่า GDP ในปี 2019 การใส่ใจสุขภาพจึงสำคัญยิ่งขึ้น
นโยบายสาธารณสุข และเทคโนโลยีช่วยได้
จากทิศทางสุขภาพข้างต้น นโยบายสาธารณสุขของรัฐบาลไทยเข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ เช่น การยกระดับ 30 บาท รักษาทุกโรค นอกจากนี้การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ เช่น บริการดิจิทัล และการดูแลผู้ป่วยหลากหลายรูปแบบ ยังเข้ามาแก้ปัญหานี้เช่นกัน
ซึ่งปัจจุบัน DKSH ประเทศไทย มีการทำตลาดบริการ Home Care Solution หรือการดูแล และบริการผู้ป่วยที่บ้าน เช่น เจาะเลือดที่บ้าน, Supply Chain Innovation หรือการบริหารซัพพลายเชนต่าง ๆ เช่น การส่งสินค้าทางการแพทย์ และ Digitalization หรือบริการดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ระบบบริหารจัดการซื้อขายสินค้า
“หลังจากนี้ DKSH ประเทศไทย จะเดินหน้า Digital Transformation ให้กับอุตสาหกรรมสุขภาพในประเทศไทย เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ และช่วยให้ผู้คนในประเทศไทยใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต”
ประคองธุรกิจให้เติบโตจากโตได้ดีช่วงโควิด-19
กลยุทธ์ Digital Transformation ให้กับอุตสาหกรรมสุขภาพในประเทศไทยของ DKSH ประเทศไทย จะช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจกลุ่มสุขภาพเติบโตได้เหมือนเดิม จากปี 2023 ที่ธุรกิจดังกล่าวเติบโตในอัตรา High Single Digit ผ่านการมีรายได้จากห้องแล็บโควิด-19 ที่ยังมีการตรวจอย่างต่อเนื่อง
“ตัวธุรกิจนี้เป็นส่วนหลักในไทยเพราะคิดเป็นรายได้เกินครึ่งหนึ่ง เหนือธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค, เทคโนโลยี และวัตถุดิบอุตสาหกรรม และจากการที่นายกรัฐมนตรีของไทยไปหารือกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DKSH ที่สวิตเซอร์แลนด์ หลังจากนี้ก็มีโอกาสที่บริษัทจะลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัล”
สิ้นปี 2023 ไทยคิดเป็นรายได้ 30% ของ DKSH ทั่วโลก เหนือจีนแผ่นดินใหญ่ที่คิดเป็นสัดส่วน 21.4% รวมถึงในมาเลเซีย กับสิงคโปร์รวมกันที่ 19.6% โดยสิ้นปี 2023 DKSH ทำยอดขายสุทธิ 11,100 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 4.45 แสนล้านบาท และเป็นบริษัทสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่จ้างงานมากที่สุดในไทยด้วยจำนวน 7,500 คน
ไทยเป็นประเทศตัวอย่างเพื่อนำไปพัฒนาต่อ
แพทริค เสริมว่า หลังจากนี้ DKSH ประเทศไทย มีแผนร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะโรงพยาบาลรัฐ เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปยกระดับการให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเตรียมนำตัวอย่างการทำธุรกิจในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จไปประยุกต์ใช้ในการทำตลาดอีก 36 ประเทศ ทั่วโลก
หากเจาะไปที่ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพของ DKSH ประเทศไทย จะพบว่า บริษัทเป็น Commercial Outsourcing อันดับ 1 ของไทย ทั้งในด้านยา และเวชภัณฑ์ ผ่านจำนวนคู่ค้ากว่า 300 ราย มี 3 ศูนย์กระจายสินค้า ผ่านพนักงานที่รับผิดชอบธุรกิจดังกล่าวรวมกว่า 4,000 คน
ตัวอย่างที่ให้บริการใหม่ เช่น Hospital at Home และ Long Term Care Plan มีให้บริการครอบคลุมกรุงเทพ และปริมณฑล มีคนไข้กว่า 2,000 ราย ใช้บริการ และ 25% กลับมาใช้งานต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มคนไข้ติดเตียง ซึ่งหลังจากนี้บริษัทมีแผนขยายบริการดังกล่าวออกไปในจังหวัดหัวเมืองใหญ่มากขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา