เพชรธรรมชาติราคาตก เหตุเพราะผู้บริโภคนิยมซื้อเพชรจากแล็ป ราคาถูกกว่าถึง 85%

เพชรถูกมองว่าไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็มีมูลค่าสูง แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เมื่อผู้บริโภคหันหน้าเข้าหาเพชรจากแล็ปแทน แถมความต้องการเพชรในจีนยังลดลงอีก

ความตกต่ำของอุตสาหกรรมเพชรที่ถูกมองว่าเป็นอัญมณีล้ำค่าที่มั่นคงสะท้อนผ่านเหตุการณ์หลายอย่าง เริ่มต้นจากที่ตลาดใหญ่อย่างจีนเสื่อมความนิยมลง ประกอบกับราคาเพชรธรรมชาติที่ต่ำลงเพราะเพชรจากแล็ปที่ราคาถูกกว่ามากได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น 

หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ชัดเจนที่สุด คือ การที่บริษัทเหมืองเพชรรายใหญ่อย่าง De Beers จะถูกขายโดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่าง Anglo American เพื่อปรับโครงสร้างบริษัท เพราะเพชรอาจไม่ได้เป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ธุรกิจอีกต่อไปแล้ว เมื่อดูเหมือนว่าบริษัทจะไปเน้นการทำกลยุทธ์ระยะยาวกับทองแดงที่เป็นสินค้าจำเป็นต่อโครงสร้างพื้นฐานมากกว่า เช่น การผลิตและจัดเก็บพลังงาน การเดินโครงข่ายไฟฟ้า ไปจนถึงการเป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในครัวเรือน 

ลูกค้ารายใหญ่อย่าง ‘จีน’ ซื้อเพชรน้อยลง เพราะแต่งงานน้อยลง

Daxue Consulting บริษัทวิจัยตลาดวิเคราะห์ว่า สาเหตุของการเสื่อมความความนิยมของเพชรในจีนมาจากอัตราการแต่งงานที่ต่ำลงประกอบกับความนิยมในทองและเพชรที่สังเคราะห์ในห้องแล็ป (Lab-grown diamonds) รวมทั้งจุดจบของมาตรการล็อคดาวน์ช่วงโควิด-19 ทำให้ลูกค้านำเงินไปเที่ยวแทนที่จะมาซื้อเพชร

ดัชนีราคาเพชรของนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมเพชรอย่าง Paul Zimnisky ระบุว่า เพชรมีราคาต่ำลง 5.7% ลดลงมากกว่า 30% เทียบกับราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2022 แม้แต่ De Beers ที่เป็นเจ้าใหญ่ในตลาดเพชรยังต้องลดราคาลง 10% ในช่วงต้นปีนี้ 

Ankur Daga ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Angara บริษัทเครื่องประดับอีคอมเมิร์ซเองยังให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของเพชรสังเคราะห์มีส่วนสำคัญทำให้ราคาเพชรธรรมชาติลดลง ทำให้ผู้บริโภคที่เคยมองเพชรเป็นสินทรัพย์ที่ควรค่าน่าลงทุนลดลง 

Daga ยังบอกอีกว่า ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมเพชร ครึ่งหนึ่งของเพชรที่ใช้ทำแหวนหมั้นในปีนี้ยังมาจากการสังเคราะห์ในห้องแล็ป เพิ่มขึ้น 2% จากปี 2018

เพชรสังเคราะห์มาแน่ ราคาถูกกว่า ไม่ต้องประสบปัญหาธรรมชาติด้วย

เพชรที่สังเคราะห์ขึ้นในห้องแล็ปถูกทำขึ้นในสภาวะแวดล้อมที่ถูกควบคุมโดยใช้ความดันและความร้อน ข้อสำคัญก็คือ สามารถขายในราคาถูกกว่าเพชรธรรมชาติได้ถึง 85% ทำให้ยอดขายเพชรสังเคราะห์เพิ่มขึ้นจากแค่ 2% ในตลาดโลกในปี 2017 มาอยู่ที่ 18.4% ในปี 2023 

Daga มองว่าตอนนี้อุตสาหกรรมเพชรกำลังประสบปัญหา โดยเชื่อว่าราคาเพชรธรรมชาติอาจจะลดลงมาอีก 15-20% ในอีก 1 ปีข้างหน้านี้ 

อย่างไรก็ตาม Anish Aggarwal ผู้ก่อตั้งบริษัทให้คำปรึกษาเรื่องเพชร Gemdax ยังคงมองในแง่ดีกว่านั้น โดยมองว่าถึงจะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ เพียงแค่ต้องสร้างความอยากได้ อยากมี ในหมู่ลูกค้าขึ้นมาเหมือนที่ทำในธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างอื่น เช่น กระเป๋าแบรนด์หรู

Aggarwal บอกว่า อุตสาหกรรมเพชรไม่ได้ทำการตลาดในสเกลใหญ่มาเป็น 20 ปี ตอนนี้ก็คงต้องเป็นช่วงที่ต้องเริ่มทำงานกันอีกครั้งเพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อในหมู่คนจีน ซึ่งความเห็นนี้ก็เป็นไปในทางเดียวกันกับมุมมองของ Zimnisky ที่มองว่าการทำการตลาดอาจทำให้ตลาดเพชรพลิกผันกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง 

อย่างล่าสุด Signet Jewelers ผู้ค้าปลีกเครื่องประดับรายใหญ่ที่สุดของโลกก็ได้จับมือกับ De Beers เพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อเพชรธรรมชาติ เรียกได้ว่าเป็นความร่วมมือของผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลกกับผู้ทำเหมืองเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาเจอกันซึ่งอาจทำให้เกิดแรงกระตุ้นในอุตสาหกรรมเพชรขึ้นอย่างมาก

ที่มา – CNBC

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา