CRC ตั้งเป้าปี 2567 ทุ่มงบ 2.2 หมื่นล้าน หวังรายได้โต 11%

เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC ประกาศแผนธุรกิจปี 2567 พร้อมลงทุนกว่า 2.2-2.4 หมื่นล้านบาท กระจายยังไปธุรกิจในไทย และต่างประเทศ ขยาย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก หวังเพิ่มรายได้เติบโต 9-11% EBITDA เติบโต 15-17%

ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า ปีนี้พร้อมทุ่มงบกว่า 2.2-2.4 หมื่นล้านบาท ในการลงทุน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

กลุ่มแฟชั่น โดยทำการรีโนเวทห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แฟล็กชิปสโตร์ สาขาชิดลม สู่การเป็น World Class Luxury Destination ให้หรูหราเหมือนยกห้างจากอิตาลีมาไว้ที่นี่ โดยจะคัดสรรเพิ่มแบรนด์ระดับโลกมาไว้ที่นี่กว่า 500 ร้านค้า รวมถึงการขยายสาขาเพิ่ม 2 แห่ง พร้อมรีโนเวทและอัพเกรดห้างอีก 4 แห่ง นำแบรนด์แนมชื่อดังขึ้นวางจำหน่ายช่องทางออนไลน์

กลุ่มฟู้ด นำโดย GO Wholesale เพิ่มอีก 7 สาขา รวมเป็น 11 สาขา, Tops เพิ่มอีก 10 สาขา รวมเป็น 178 สาขา และในประเทศเวียดนาม ได้เปิดตัว ไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! 3 สาขา และ go! (มินิ โก!) อีก 9 สาขา

กลุ่มฮาร์ดไลน์ ขยายสาขาไทวัสดุเพิ่มอีก 9 สาขา รวมเป็น 90 สาขา ตรงนี้ทางเราให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก สามารถต่อยอดธุรกิจค้าปลีกได้ อาทิ การเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Community ต่างๆ ที่มีหลากหลาย Category เพื่อสร้าง Network และ Value ในระยะยาวให้กับธุรกิจ รวมไปถึงการขยาย Ecosystem จาก B2C เป็น B2B สำหรับเหงียนคิมในเวียดนามจะเปลี่ยนโฉมให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ มีการพัฒนาและปรับปรุงสาขาอย่างต่อเนื่อง ส่วนศูนย์การค้า GO! ในเวียดนาม มีแผนขยายอีก 3 สาขา โดยตั้งเป้าปิดปี 2567 ด้วยจำนวน 42 สาขา ครอบคลุม 42 จังหวัด จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศ

โดยงบทั้งหมดที่ลงทุน แบ่งสัดส่วนการลงทุนในประเทศไทยประมาณ 75-80% และที่เหลือกระจายไปยังเวียดนาม และอิตาลี

เปิดวิสัยทัศน์ CRC OMNI-Intelligence สู่กลยุทย์ 5R

เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าสู่ The Next Era ด้วยวิสัยทัศน์ CRC OMNI-Intelligence โดยการนำ AI เข้าไปในทุกกระบวนการของการทำธุรกิจ อาทิ การสร้าง Next-Gen Omnichannel ที่ผนวกแพลตฟอร์ม Offline และ Online เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค อีกทั้งยังขยายอีโคซิสเต็มจาก B2C สู่ B2B อย่างเต็มรูปแบบ และมีการ Integrate AI ให้เข้ากับ HI (Human Intelligence) เพื่อให้พนักงานทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เหมือนมี Expertise at your fingertip รวมถึงการสร้าง Impact ที่มุ่งเน้นทั้งด้าน Profit และ Planet ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

โดย CRC OMNI-Intelligence ประกอบไปด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ (5R) ดังต่อไปนี้

  1. Revolutionise Core Strength คือ การยกระดับความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักใน Multi-Format, Multi-Category และ Multi-Market โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง รวมถึงการยกระดับเรื่อง Synergy และการทำ M&A เพื่อเพิ่ม Value ในระยะยาวให้กับธุรกิจ
  2. Reinforce Financial Resilience คือ การทำให้สถานภาพทางการเงินมีความแข็งแกร่ง และมีการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น และมีความยืดหยุ่นทางด้านการเงิน บนหลักการบริหาร 3C (Cash, Cost, Capex)
  3. Reinvent Beyond Retail คือ การต่อยอดธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจค้าปลีก เช่น การเข้าไปเป็นส่วนสำคัญใน Community ต่างๆ ในแต่ละ Category เพื่อสร้าง Network และ Value ในระยะยาวให้กับธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล รวมถึงการขยายอีโคซิสเต็มจาก B2C สู่ B2B อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเดินหน้า Scale up อย่างต่อเนื่อง
  4. Reimagine Human Capital คือ การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ด้วยการรวมIntelligence ของ AI และ HI เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อขยายขีดความสามารถในการทำงาน การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และการเพิ่มประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มออมนิแชแนลแบบทวีคูณ
  5. Rally Green Impact คือ การยกระดับการทำ Green Transition ด้วยการผนึกกำลังทั้งภาครัฐ เอกชน ลูกค้า และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ มาร่วมมือกันแก้ปัญหา Climate Change เพื่อไม่ให้ไปสู่ Climate Crisis โดยการลดการใช้พลังงาน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโลกสีเขียว เพื่อส่งต่อให้กับคนรุ่นหลัง

แก้เศรษฐกิจไทย เร่งอัดฉีดคนไม่มีเงินเข้าระบบ กระตุ้นคนมีเงินให้ใช้เงิน

ญนน์ มองเศรษฐกิจไทยเติบโดปีนี้ประมาณ 3% ในส่วนของค้าปลีกโต 6% โดยปัญหาเกิดจากสองส่วน คือกลุ่มที่ไม่มีเงิน ภาครัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือเรื่องหนี้ครัวเรือนให้ได้ และอัดกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เฉพาะกลุ่มค้าปลีก มีเงินหมุนเวียนในธุรกิจนี้กว่า 4 ล้านล้านบาท หากเพิ่มอัตราการจ้างงานให้คนมีงานทำ โดยจ้างงานบริการเพิ่มขึ้น มีโอกาสพยุง GDP ให้สูงขึ้นได้

และกลุ่มคนมีเงิน กระตุ้นการใช้จ่าย อย่างการที่รัฐออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย Easy e-Receipt รัฐใช้เงินน้อย อีกส่วนคือนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทย ยังจับจ่ายใช้สอยน้อยมาก รัฐต้องกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวใช้เงิน ดึงเงินออกจากกระเป๋าให้ได้อย่างน้อย 20,000 บาทต่อคน

ที่สำคัญปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยที่สะสมมานาน ที่ยังเป็นรองต่างชาติอยู่อีกมาก

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

คนไอที อยู่วงการเทเลคอมมาร่วม 20 ปี ผันตัวมาทำสิ่งใหม่ๆ แล้วก็เริ่มสนุกกับมัน!