ปัญหาวิกฤต “ชิป” หาย ไม่มีขายในตลาด กระทบอุตสาหกรรมรถยนต์-มือถือ-ทีวีอาจต้องขึ้นราคา

ปัญหาชิปเซ็ตขาดแคลนเข้าขั้นวิกฤต ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ ทีวี และเครื่องเล่นเกมคอนโซล ที่อาจต้องปรับราคาขึ้น เพราะไม่มีชิปเซ็ตที่เป็นส่วนประกอบสำคัญ

ชิป ส่วนประกอบสำคัญที่เป็นเหมือนสมองของอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ ทีวี เครื่องเล่นเกมคอนโซล รวมถึงรถยนต์ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีชิปเป็นส่วนประกอบสำคัญทั้งสิ้น แต่นับตั้งช่วงปีที่ผ่านมาโลกของเรากำลังเผชิญกับปัญหาชิปขาดแคลนอย่างหนัก และในตอนนี้อาจเรียกได้ว่าความขาดแคลนกำลังเข้าสู่ขั้นวิกฤตแล้ว

“ชิป” หาย ไม่มีขายในตลาด กระทบวงการมือถือ ทีวี ยันรถยนต์

สาเหตุแรกเริ่มที่ทำให้เกิดปัญหาชิปขาดแคลน เป็นผลต่อเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2020 ที่ผ่านมา โรงงานผลิตชิปต้องปิดตัวลงชั่วคราว จนไม่สามารถส่งมอบชิปอย่างเพียงพอได้ แม้ว่าในช่วงหลังโรงงานผลิตชิปจะสามารถเริ่มการผลิตได้อย่างปกติอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ชิปมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการได้ เพราะปริมาณความต้องการชิปกลับเพิ่มขึ้นมา ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในช่วงที่โควิด-19 ระบาด การทำงานที่บ้าน เพิ่มความต้องการในการซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ 5G และการเปิดตัวเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นใหม่ ยิ่งทำให้ความต้องการชิปเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

ปัญหาการขาดแคลนชิปนี้ ส่งผลกระทบต่อผู้เล่นทั้งรายเล็กและรายใหญ่ในอุตสาหกรรม เมื่อปีที่ผ่านมา Apple บริษัทที่เป็นผู้ซื้อชิปมากที่สุดในตลาด ด้วยมูลค่ากว่า 58,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ต้องเลื่อนการเปิดตัว iPhone 12 ออกไปถึง 2 เดือน เพราะปัญหาการขาดแคลนชิปที่ใช้ในการผลิต

ส่วนในปีนี้ Sony ที่เพิ่งเปิดตัวเครื่องเล่นเกมคอนโซล Playstation 5 รุ่นใหม่ ก็ต้องประสบกับปัญหาชิปขาดแคลน จนไม่สามารถผลิต Playstation 5 ได้เพียงพอกับความต้องการ แต่ทาง Sony ก็ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลต่อยอดขายที่ได้ตั้งเป้าไว้ ส่วนคู่แข่งของ Sony ที่ออกเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นใหม่เช่นเดียวกันอย่าง Microsoft คาดว่าปัญหาการขาดแคลนชิปจะมีต่อไปจนถึงช่วงครึ่งปีหลังเป็นอย่างน้อย

อย่างไรก็ตามหากจะอธิบายให้เห็นภาพถึงความรุนแรงของการขาดแคลนชิปที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของอุปกรณ์ต่างๆ คงต้องใช้กรณีของ Samsung เป็นตัวอธิบายให้เห็นภาพ เพราะ Samsung นับว่าเป็นผู้ซื้อชิปรายใหญ่อันดับ 2 รองจาก Apple ยอมรับว่า “การขาดแคลนชิปเป็นปัญหาร้ายแรง และการแก้ปัญหานี้ให้ได้ 100% คงเป็นเรื่องยาก” นอกจากนี้ Samsung ยังเลือกที่จะไม่เปิดตัวโทรศัพท์มือถือ Galaxy Note ในปีนี้อีกด้วย แม้ Samsung จะยืนยันว่าต้องการลดการซับซ้อนของรุ่นโทรศัพท์ในตระกูล Galaxy มากกว่า

นอกจาก Samsung จะเป็นผู้ซื้อชิปรายใหญ่อันดับ 2 รองจาก Apple แล้ว Samsung ยังเป็นผู้ผลิตชิปให้กับบริษัทอื่นๆ ด้วยมูลค่ากว่า 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การผลิตชิปให้กับบริษัทอื่นๆ ของ Samsung ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงปัญหาการขาดแคลนชิปว่ามีความร้ายแรงจริง แม้แต่บริษัทที่สามารถผลิตชิปได้เองยังประสบกับปัญหาชิปขาดแคลน

วงการรถยนต์ก็ได้รับผลกระทบ: รถยนต์สมัยนี้ก็ต้องใช้ชิป

ไม่ใช่แค่การผลิตโทรศัพท์มือถือ และเครื่องเล่นเกมคอนโซลเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่รถยนต์ก็ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนชิปไปด้วย เพราะรถยนต์ในยุคสมัยนี้ ไม่ใช่แค่รถยนต์ธรรมดา แต่เป็นรถยนต์ที่ต้องอาศัยชิปเพื่อการประมวลผลด้วยเช่นกัน อย่าง Ford เอง ก็ต้องปิดโรงงาน 2 แห่ง เพราะขาดแคลนชิปที่ใช้ในการผลิต และ Ford ก็คาดการณ์ว่าจะสร้างความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้

ด้าน Nissan ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ก็ต้องปิดโรงงานในแม็กซิโก และสหรัฐอเมริกาชั่วคราวเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามในปีที่แล้วผู้ผลิตรถยนต์หลายรายได้ปรับลดปริมาณคำสั่งซื้อชิปลง จากยอดขายรถยนต์ที่ลดลงเพราะสถานการณ์โควิด-19 แต่ในปีนี้กลายเป็นว่าผู้ผลิตรถยนต์ที่เคยลดการสั่งซื้อชิปไปในปีที่แล้ว ต้องไปต่อคิวรอชิปหลังผู้ผลิตรายอื่นๆ ตามกำลังการผลิตชิปที่มี

อุตสาหกรรมรถยนต์สั่งชิปไม่มากเท่ามือถือ

อย่างไรก็ตามในแต่ละปีอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก สั่งซื้อชิปมูลค่ารวม 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะดูเหมือนเป็นจำนวนเงินที่เยอะ แต่เมื่อเทียบกับ Apple และ Samsung ยังถือว่าน้อยกว่ามาก ขนาด Toyota และ Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก ยังเป็นผู้สั่งซื้อชิปด้วยมูลค่ารายละ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ

ปัญหาการขาดแคลนชิปที่เข้าขั้นวิกฤตนี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าน่าจะต้องใช้เวลากว่า 2 ปี กว่าโรงงานผู้ผลิตชิปจะเพิ่มกำลังการผลิตได้ จนสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ในขณะนี้ผู้ผลิตชิปได้มีการขึ้นราคาชิปไปแล้ว 2 ครั้ง ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการขึ้นราคาชิปนี้จะส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก จากราคาของโทรศัพท์มือถือ และรถยนต์ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัญหาความขาดแคลนชิปนี้

ที่มา – theguardian

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา