ผลสำรวจพบ โควิดทำบริษัทสอดส่องการทำงานของพนักงานมากกว่าเดิม

คงไม่มีใครคิดหรอกว่าคอมพิวเตอร์ของบริษัท ที่พนักงานใช้ทำงานอยู่ จะบริสุทธิ์ โปร่งใส ไม่มีการสอดส่องจากเหล่าบรรดาบอสทั้งหลาย แต่อาจจะคาดไม่ถึงว่า เอาเข้าจริงแล้ว มีการสอดส่องจับตาดูพนักงานตลอดเวลา แน่นอนว่า บางคนอาจรู้สึกขยะแขยงกับการกระทำเช่นนี้ แต่สำหรับบางคนกลับรู้สึกธรรมดา ส่องก็ส่องไป ในเมื่อรับผิดชอบงานได้ ก็ไม่น่ามีปัญหา?

surveillance

ถ้าเชื่อว่ามนุษย์ชั่วร้าย หนทางเดียวที่จะเชื่อใจได้ก็คือ สอดส่อง จับตา

หลังโควิดระบาด บังคับให้คนนับล้านต้องทำงานอยู่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อ ทำให้ผู้คนต้องหันมาทำงานจากบ้านแทน หลายบริษัทจึงใช้เทคโนโลยีในการสอดส่อง จับตา คอยมอนิเตอร์ดูว่าพนักงานทำอะไรบ้าง ทั้งกล้องที่สามารถจับตาดูพนักงานได้ เซ็นเซอร์คอยจับการเคลื่อนไหวของคีย์บอร์ดหรือเมาส์สามารถถูกบันทึกไว้ได้หมด 

แค่เมาส์กับกล้องคอยจับตายังไม่มากพอ บอสยังสามารถแคปเจอร์ภาพจากหน้าจอพนักงานได้ด้วยว่า พนักงานเบราส์ไปเว็บหน้าไหนบ้าง หรือเปิดดูคลิปวิดีโออะไรก็รู้หมด 

ในอังกฤษเคยมีการเรียกร้องให้มีการควบคุมการใช้เทคโนโลยีของนายจ้างแล้ว และยังมีการเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดว่าสิ่งที่นายจ้างทำกับพนักงานที่ทำงานจากบ้านเช่นนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมายด้วย 

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจพบว่าบริษัทมีการสอดส่องพนักงานมากขึ้นจากเดิมอยู่ที่ 24% เป็น 32% อัตราการเฝ้าจับตาสูงขึ้นเป็น 48% สำหรับผู้คนในวัย 18-34 ปี และยังมีการรับพนักงานให้มาทำด้านเทคโนโลยีมากขึ้นและยังพบว่าคนถูกจับตาจากบ้านผ่านกล้องเพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าตัวจาก 5% เป็น 13% ผลสำรวจจากพนักงานในอังกฤษ 2,424 คน สอบถามโดย Opinium ระหว่าง 19-22 ตุลาคม 2021

surveillance
Photo by Etienne Girardet on Unsplash

Chris พูดถึงเรื่องการแอบส่องพนักงานของเหล่าบรรดาบอสว่า “มันน่าขยะแขยง” “หนึ่งในผู้จัดการของฉันกำลังมอนิเตอร์พนักงานของตัวเองผ่านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของพวกเขา ดูว่าเขาทำอะไร ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่เฉพาะเวลางานเท่านั้น ประหลาดมาก” เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ลาออกจากงาน หลังจากพบว่าผู้จัดการกำลังสอดส่องอยู่ เขาบอกว่า productivity เขาไม่ได้ลดลงเลยแม้ต้องทำงานจากบ้าน แต่เมื่อเขารู้ว่ามีการสอดส่อง มอนิเตอร์อยู่ มันทำให้เขากังวล 

ไม่ใช่แค่กรณีของ Chris เท่านั้นที่เคยเจอมา แต่ยังมี Lisa Rene ด้วย บริษัทของเธอติดตั้งซอฟต์แวร์ Keylogger (เป็นตัวดักจับข้อมูลโดยที่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่รู้ตัวว่ามีการฝังเครื่องมือดังกล่าว มันสามารถแอบตรวจจับข้อมูลขณะคีย์ข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ได้) Rene ใช้คอมพิวเตอร์เช็คอีเมล์ส่วนตัว เช็คบัญชีเงินฝาก เมื่อเธอพบว่ามีการพยายามสอดส่อง ดักจับข้อมูลของเธอ เธอก็ถูกปลดออกจากการเป็นพนักงานโดยบริษัทอ้างเหตุผลว่ามี performance ต่ำ นี่เป็นอีกตัวอย่างของการสอดส่องการทำงานของบริษัทในอเมริกัน ที่บริษัทสามารถทำได้ถูกกฎหมายด้วย 

surveillance
Photo by Niv Singer on Unsplash

ข้อมูลจาก Fortune ระบุว่า มีผลวิจัยเปิดเผยว่า มีการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อจับตา สอดส่องพนักงานเพิ่มขึ้น 50% เมื่อปี  2020 ที่ผ่านมาในช่วงที่มีโควิดระบาดและยังมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่เนื่องจนถึงมีนาคมปี 2021 มีการใช้กล้องและไมค์แบบรีโมตเพื่อสอดส่อง รวมถึงการเคาะแป้นพิมพ์บนคีย์บอร์ดด้วย ส่องได้หมด ทั้งข้อความในอีเมล์ส่วนตัว ทั้งการเบราส์หาข้อมูลในคอมพิวเตอร์ การพิมพ์ข้อความ การดูคลิปวิดีโอ หรือแม้กระทั่งแชทส่วนตัวในแอปพลิเคชันต่างๆ

ที่มา – BBC, Brookings, Fortune

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา