Cineworld บริษัทโรงภาพยนตร์อันดับที่ 2 ของโลกเตรียมปิดโรงภาพยนตร์ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรอีกครั้ง เพราะภาพยนตร์ระดับ Blockbuster เลื่อนฉายออกไปเป็นปี 2564
ทุกอย่างพังเมื่อ James Bond เลื่อน
โฆษกของ Cineworld ยืนยันว่า บริษัทอยู่ระหว่างตัดสินใจปิดโรงภาพยนตร์ที่สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรทั้งหมดอีกครั้ง หลังเพิ่งกลับมาเปิดในเดือนมิ.ย. เพราะตั้งแต่ช่วงต้นปีต้องปิดมาตลอดเพื่อรับกับนโยบายปิดเมืองป้องกัน COVID-19 ระบาดของทั้งสองประเทศ
อย่างไรก็ตามการตัดสินใจครั้งนี้ของ Cineworld ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อไร แต่การออกมายืนยันแบบนี้ทำให้พนักงานกว่า 37,000 คนทั่วโลกที่ทำงานในโรงภาพยนตร์ 787 แห่งต้องกังวล โดยเฉพาะพนักงานในสหรัฐอเมริกา เพราะบริษัทมีสาขาที่นั่นถึง 546 แห่ง
เหตุผลหลักที่ Cineworld ต้องปิดโรงภาพยนตร์อีกครั้ง เพราะภาพยนตร์ระดับ Blockbuster ถูกเลื่อนออกไป ล่าสุดคือ No Time To Die ภาพยนตร์ภาคล่าสุดของ James Bond ที่จริงๆ ต้องเข้าฉายช่วงปลายปีนี้ แต่ถูกเลื่อนไปเป็นปี 2564 แทน เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ อาทิ Black Widow และ West Side Story
ขณะเดียวกันถึงภาพยนตร์เหล่านี้จะเข้าฉาย ผู้ชมก็ยังไม่มาใช้บริการโรงภาพยนตร์มากเพียงพอ ผ่านการกังวลเรื่องสุขอนามัย เช่นเรื่อง Tenet ที่ทำรายได้ให้กับโรงภาพยนตร์ไม่ได้ตามเป้า นอกจากนี้ Cineworld ยังเตรียมระดมทุนเพิ่มเพื่อเลี้ยงธุรกิจ เพราะครึ่งแรกของปีนี้ขาดทุนกว่า 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สรุป
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ Cineworld และโรงภาพยนตร์อื่นๆ จะอยู่รอดในวิกฤต COVID-19 เพราะผู้คนกังวลการใช้บริการ และตอนนี้พวกเขาต่างประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจนกำลังซื้อเริ่มหดหาย ดังนั้นต้องติดตามกันว่า ธุรกิจโรงภาพยนตร์ต้องปรับตัวเพื่อให้รอดจากวิกฤตนี้อย่างไร
อ้างอิง // Reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา