เศรษฐกิจไตรมาส 3 ของจีนล่าสุดโตเพียงแค่ 6.5% ต่ำสุดหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงปี 2009 ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากสงครามการค้า และรวมไปถึงนโยบายลดความเสี่ยงเศรษฐกิจจีน
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนได้รายงานการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 3 โดยเศรษฐกิจจีนเติบโต 6.5% เติบโตน้อยกว่าไตรมาส 2 และยังเป็นการเจริญเติบโตต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 หลังจากเกิดวิกฤติการเงินทั่วโลกอีกด้วย
สาเหตุสำคัญมาจากเรื่องของสงครามการค้า ซึ่งในตอนแรกที่ทางการจีนคาดว่าผลกระทบจะต่ำกว่าที่คาด และยังรวมไปถึงนโยบายลดความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ยังรบกวนต่อเนื่องเช่น ความเสี่ยงจาก Shadow Banking ฯลฯ
ผลกระทบเหล่านี้ได้ส่งผลกับเศรษฐกิจจีน ไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนจีนที่ลดน้อยลง การออกนอกบ้านที่ลดลงส่งผลทำให้ยอดขายในห้างสรรพสินค้าจีนค่อนข้างชะลอตัวลง ยังรวมไปถึงภาคการลงทุนยังมีการชะลอตัวลงอีกด้วย โดยยอดสินเชื่อกรกฏาคมและสิงหาคมที่ชะลอตัวลง
เศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมาทำให้ตลาดหลักทรัพย์ของจีนตกลงถึง 30% จากจุดสูงสุดในเดือนมกราคม ทำให้ตลาดหุ้นจีนเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่มี Performance แย่ที่สุดอีกตลาดหลักทรัพย์หนึ่งของโลก ไม่ใช่แค่นั้นค่าเงินหยวนยังได้อ่อนค่าลงอีกด้วย
ซึ่งผลกระทบนี้ทำให้ทางการจีนต้องลด RRR เพื่อที่จะได้ปั๊มเงินเข้าสู่ระบบกว่า 1.2 ล้านล้านหยวน โดยเงินที่เข้าระบบเหล่านี้ธนาคารกลางจีนคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการ เพิ่มความคึกคักทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก บริษัทที่เน้นผลิตสินค้าทางนวัตกรรม เป็นต้น
ไตรมาส 4 คาดว่านอกจากผลของการลด RRR ที่ได้กล่าวได้ข้างต้นไปแล้ว คาดว่ารัฐบาลจีนจะเตรียเพิ่มเม็ดเงินในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่ม หลังจากที่ได้ลดลงก่อนหน้าอีกด้วย รวมไปถึงอาจมีการลดภาษีบางส่วนด้วย
ที่มา – New York Times, Nikkei Asian Review
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา