มองการลงทุนไกลถึงจีนแผ่นดินใหญ่ ทำความรู้จัก 3 บริษัทเทคโนโลยีจีนชื่อดังที่กำลังจะ IPO

ช่วงนี้บรรยากาศของตลาดหุ้นโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีไม่ว่าจะในทั้งตลาดฮ่องกง เซิ่นเจิ้น หรือแม้แต่ในสหรัฐอเมริกาเอง ก็มีความคึกคักอย่างมาก และช่วงนี้เราจะเห็นบริษัทเทคโนโลยีดังๆ ของจีน เตรียมนำบริษัทเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ Brand Inside จะพาท่านไปรู้จักบริษัทที่กำลังจะเข้า IPO ที่น่าสนใจในช่วงนี้กันครับ

ZhongAn Online Property & Casualty Insurance

เริ่มต้นที่รายแรกอย่าง ZhongAn Online Property & Casualty Insurance เป็นรายแรกที่จะ IPO ในวันที่ 28 กันยายน ถือว่าเป็นประกันภัยออนไลน์รายแรกของจีนที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมูลค่าก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงนั้นสูงถึง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าอาจสามารถระดมทุนได้สูงถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ZhongAn นั้นหลังจาก IPO แลัวคือ Ant Financial 16% ส่วน Tencent และ Ping An ถือหุ้นรายละ 12.09% จากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

ความใหญ่โดของ ZhongAn นั้น หากเป็นบริษัทที่เป็นสาย FinTech ในจีน ZhongAn นั้นถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 3 เลยทีเดียว โดยรองจาก Ant Financial ของแจ๊ค หม่าและ Alibaba และ Lufax ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเงินกู้แบบ Peer-to-Peer ของ Ping An

ประกันที่ขายดีที่สุดของ ZhongAn คือ กรมธรรม์ที่ออกค่าใช้จ่ายสำหรับส่งของคืนกลับผู้ขายสำหรับเว็บไซต์ Alibaba และ Taobao ซึ่งปกติแล้วลูกค้าจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายนี้เอง ซึ่งหากลูกค้าซื้อประกันตัวนี้บริษัทก็จะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้

ความน่าสนใจของ ZhongAn เป็นประกันภัยที่ขายผ่านอินเทอร์เน็ต มีราคาถูก เน้นขายเป็นจำนวนมากๆ แตกต่างจากประกันภัยแบบทั่วๆ ไป และ มีความโดดเด่นที่ใช้ AI และ Big Data ในการวิเคราะห์ตัวประกันภัย โดย ZhongAn มีส่วนแบ่งตลาดประกันภัยในจีน 0.5% ในเดือนพฤษจิกายนที่ผ่านมายอดขายกรมธรรม์ในวันคนโสดของจีนนั้นสามารถขายได้ 100 ล้านกรมธรรม์ ซึ่งทำให้ตัว ZhongAn เองเป็นที่ต้องตาต้องใจกองทุน SoftBank’s Vision Fund ซึ่งคาดว่าจะซื้อหุ้นตอนเข้าตลาดเป็นมูลค่าประมาณ 400-500 ล้านเหรียญ

หากนักลงทุนชาวไทยสนใจ ZhongAn มี Ticker คือ 6060 ครับ

Tencent Music Entertainment Group

รายที่สองคือ Tencent Music Entertainment Group คงไม่ต้องบอกถึงชื่อเสียงเรียงนามสำหรับบริษัทแม่ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ประมาณ 62.45% หลังจากแยกตัวออกมาเป็นบริษัทใหม่และควบรวมกับ China Music Corp โดยมีมูลค่า ณ ปัจจุบันก่อน IPO นั้นสูงถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ตลาดของ Music Streaming ในจีนนั้นคาดการณ์ว่าในปีหน้าจะมีรายได้จากการสมัครสมาชิกรายเดือนอยู่ที่ 4,370 ล้านหยวน โดย Tencent Music Entertainment Group นั้นครองตลาด Music Streaming ของจีนถึง 76% ผ่านทั้ง QQ Music, Kugou และ Kuwo มีผู้ใช้บริการในจีนรวมกันถึง 600 ล้านคน

เมื่อปีที่แล้วได้เซ็นสัญญาไปกับ 3 ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง Universal Music Group, Warner Music Group และ Sony Music และรวมไปถึงค่ายเพลงของจีนอย่าง Huayi Brothers Media Corp ค่ายเพลงดังของเกาหลี YG Entertainment รวมไปถึงค่ายเพลงใต้หวันอย่าง JVR Music และ LOEN Entertainment

ล่าสุดบริษัทพึ่งจับมือกับ Alibaba ในการแลกเปลี่ยนลิขสิทธิ์เพลงระหว่างกันข้าม Platform โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่า

รายได้ของ Tencent Music Entertainment Group นั้นมาจากค่าโฆษณา การขายไอเท็มผ่าน Live Streaming ค่าบริการฟังเพลงรายเดือนที่ประมาณ 8-20 หยวนต่อเดือน รวมถึงการ Sub License ลิขสิทธิ์เพลงให้แก่ Music Streaming เจ้าอื่นอย่าง NetEase อีกด้วย

ทางบริษัทเตรียมขายหุ้นประมาณ 3% ให้แก่พันธมิตรและรวมถึงค่ายเพลงต่างๆ ด้วย โดยเดือนเมษายนที่ผ่านมามีข่าวลือว่าบริษัทจะเตรียม IPO ในสหรัฐอเมริกาเร็วๆ นี้ โดยตั้งเป้าที่จะระดมทุนให้ได้ 300-600 ล้านเหรียญ


iQiyi

รายสุดท้ายนี้ในไทยอาจไม่ได้ยินชื่อเท่าไหร่นัก โดยฉายาในวงการเทคโนโลยีจีนนั้นเปรียบได้กับ Netflix ของจีน โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ของ iQiyi นั่นคือ Baidu นั่นเอง โดยมีผู้ที่ลงโปรแกรมนี้ในโทรศัพท์มือถือถึง 600 ล้านเครื่อง เป็นรองจากโปรแกรม WeChat เท่านั้นเอง

สิ่งที่น่าสนใจคือรายได้ของ Baidu 15% ได้มาจาก iQiyi เพราะ iQiyiได้สิทธิ์เพียงรายเดียวเท่านั้นในการเผยแพร่ Content จาก Netflix อีกด้วย (ที่ Netflix ต้องทำแบบนี้เพราะว่าทางกฏหมายของจีนที่เกี่ยวกับเรื่องการนำเข้าพวกภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศตะวันตกทั้งหลาย) และรวมไปถึง Content จากค่ายหนังชื่อดังอย่าง Lions Gate อีกด้วย

iQiyi นั้นพยายามเพิ่มเนื้อหามาโดยตลอด โดยต้องแข่งกับทาง Tencent ที่พยายามซื้อซีรี่ยส์ชื่อดังอย่าง Games Of Throne หรือแม้แต่กีฬาอย่างบาสเก็ตบอล NBA และ Alibaba ที่เข้ามาในตลาดนี้ด้วยเช่นกัน

ประธานของ Baidu อย่าง Robin Li นั้นพยายามจะซื้อ iQiyi ด้วยมูลค่า 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว แต่โดน Hedge Fund ชื่อดัง Acacia Partners ประท้วงว่า Li นั้นซื้อในราคาถูกเกินไป เพราะมูลค่าที่ควรจะเป็นเมื่อปีที่แล้ว นั้นประมาณ 5,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ดีลนี้จึงล้มเลิกไป

เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาบริษัทพึ่งระดมทุนเพิ่มด้วยมูลค่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย Baidu นั้นใส่เงินเข้าไปในการระดมทุนในรอบล่าสุดถึง 300 ล้านเหรียญสหรัฐ

มีข่าวลือว่า iQiyi จะ IPO ที่ฮ่องกงหรือไม่ก็สหรัฐอเมริกาในปีหน้า โดยหวังว่าจะมีมูลค่าบริษัทประมาณ 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ การที่รีบ IPO นั้นส่วนหนึ่งเพราะว่า iQiyi นั้นทำให้กำไรของ Baidu นั้นลดลงพอสมควร เพราะว่า iQiyi ต้องใช้เงินมหาศาลในการซื้อ Content ต่างๆ มาไว้ใน Platform ของตัวเอง เพื่อสู้กับ Tencent และ Alibaba โดยนักวิเคราะห์ของ Jefferies วิเคราะห์ว่า IQiyi จะถึงจุดคุ้มทุนในปีหน้า

source: 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ