ทุเรียนมาเลย์ มาแรง! ชาวจีนทุ่มซื้อพันธุ์ “มูซัง คิง” ภายใน 1 ชั่วโมง 60 ตัน 458 ล้านบาท

ขึ้นชื่อว่าทุเรียน ราชาแห่งผลไม้ หนึ่งเดียวที่ครองใจชาวจีนอย่างเข้มข้น 

ทุเรียนคือผลไม้ในหัวใจของชาวจีนอย่างแท้จริง ล่าสุด ซื้อทุเรียนพันธุ์ Musang King (มูซัง คิง) ออนไลน์ซึ่งเป็นเทศกาลทุเรียนออนไลน์ในเมืองชินโจว (Qinzhou) ราว 300,000 ลูก น้ำหนักราว 60 ตัน ขายหมดภายใน 50 นาที 48 วินาที มูลค่าราว 14.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 458.9 ล้านบาท  

Photo by Gliezl Bancal on Unsplash

ช่วงที่โควิดระบาดหนัก ทุเรียนมาเลเซียขายดีและเป็นที่นิยมกันมากในแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งนี้ Tiong King Sing ทูตพิเศษของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียประจำจีน กล่าวว่า เขามั่นใจว่าการส่งออกทุเรียนของมาเลเซียมาจีน น่าจะสานประโยชน์ทางการค้าภายใต้กรอบทวิภาคีระหว่างสองประเทศได้ดี 

เขากล่าวว่า ข้อมูลจากสถิติพบว่า ปี 2019 ที่ผ่านมา จีนนำเข้าทุเรียน 600,000 ตัน มูลค่ากว่า 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท โดยนำเข้าทุเรียนจากมาเลเซียราว 7,700 ตัน มูลค่ากว่า 67 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.09 หมื่นบาท

ขณะที่ปี 2018 จีนนำเข้าทุเรียนแช่แข็งจากมาเลเซีย 3,200 ตัน มูลค่า 41 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.28 หมื่นล้านบาท 

Photo by Jonny Clow on Unsplash

Tiong King Sing กล่าวว่า แม้ว่าโควิด-19 จะระบาด แต่เขาก็เชื่อว่า การนำเข้าทุเรียนจากมาเลเซียนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร

Sing เห็นว่า ทั้งจีนและมาเลเซียควรจะรักษาปริมาณการนำเข้าเช่นนี้ให้เติบโตต่อไป เพราะได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และยังถือเป็นการแบ่งปันระหว่างกันทั้งในแง่เศรษฐกิจ ทรัพยากร วัฒนธรรม และความรู้ นอกจากนี้ Datuk Beh Hang Kong รองประธานอุตสาหกรรมจีน-มาเลเซีย ระบุว่า ได้มีการสำรวจความเป็นไปได้แล้วว่า อาจจะตั้งฮับทุเรียนมาเลเซีย (Malaysian durian hub) ในนิคมอุตสาหกรรมด้วย 

โดยฮับทุเรียนมาเลเซียดังกล่าว จะมีทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเชน โลจิสติกส์ อาจจะมีการตั้งทุเรียนบาซาร์ ทำเป็นตลาดทุเรียนเต็มรูปแบบ จากการวิจัยข้อมูลแล้ว พบว่า มีชาวจีนเพียง 3% เท่านั้นที่ได้ลองชิมรสชาติทุเรียนมาเลเซีย ชาวจีนทั้งหมดมีราว 1,439,323,776 คน คิดเป็น 3% เท่ากับ 43,179,713 (กว่า 43.1 ล้านคน) 

Photo by Free To Use Sounds on Unsplash

รองประธานอุตสาหกรรมฯ เชื่อว่า ทุเรียนน่าจะสามารถส่งออกได้มหาศาล ขนาดตลาดมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.12 หมื่นล้านบาท 

ที่มา – South China Morning Post, The Star

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา