จีนตั้งกำแพงภาษีโต้กลับสหรัฐฯ อีกแล้ว!! หลังจากนี้ทั้ง 2 ประเทศจะเจรจาการค้ากันได้ไหม?

กลางเดือนก.ย. (18 ก.ย. 2018) เราเห็นลุง Trump ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมีผลวันที่ 24 ก.ย. นี้แล้ว แถมยังขู่ไว้อีกว่า ถ้าจีนโต้กลับด้วยการตั้งกำแพงภาษี Trump ก็พร้อมจะเก็บภาษีจีนอีก 2.67 แสนล้านบาท! ซึ่งพี่จีนไม่ยอมประกาศเก็บภาษีสหรัฐ 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

ภาพจาก Shutterstock

จีนเตรียมโต้กลับตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

รัฐบาลจีนประกาศโต้กลับมาตรการทางภาษีของสหรัฐ โดยประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเก็บอัตราภาษีที่ 5% หรือ 10% (ขึ้นอยูกับประเภทของสินค้า) แต่อัตราภาษีที่ว่าจะกระทบกับสินค้าสหรัฐกว่า 5,000 สินค้า เช่น เนื้อสัตว์ ถั่ว เครื่องดื่มแอลกอลฮอล์ เคมี เสื้อผ้า เครื่องจักร เฟอร์นิเจอร์ และอะไหล์รถยนต์

ซึ่งก่อนหน้านี้ที่สหรัฐตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีน 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เริ่มต้น 10% และสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 25% โดยจะส่งผลกระทบต่อสินค้าจีนเช่น เครื่องเทศ ถุงมือเบสบอล ชิ้นส่วนเครื่องจักร ฯลฯ

หลังจากนี้สหรัฐฯ และจีน จะเจรจาการค้ากันอย่างไร?

เมื่อสหรัฐฯ และจีน ประกาศตอบโต้ภาษีทางการค้าระหว่างกัน ส่งผลต่อตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก เพราะบางส่วนถอนเงินลงทุนกลับไปประเทศที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ขณะเดียวกันบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องทำการค้าระหว่างประเทศ บางส่วนถึงขั้นเตรียมตัวย้ายฐานการผลิตออกจากจีน

อย่างไรก็ตามเดือนก.ย. นี้ จีนและสหรัฐฯ จะเจรจาเรื่องมาตรการทางการค้าให้ชัดเจนขึ้น ด้าน Geng Shuang โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน บอกว่า การประกาศอัตราภาษีของสหรัฐต่อสินค้าจีน สร้างความไม่แน่นอนในการเจรจามาตรการทางการค้าระหว่างกัน

Larry Kudlow ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของ White House บอกว่า เรายังพร้อมที่จะเจรจากับจีนเสมอ ถ้าจีนมีขอเสนอที่จะสานสัมพันธ์กันอย่างจริงจัง

ก่อนหน้านี้การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนไม่ประสบความสำเร็จ โดยนักวิเคราะห์จาก Gavekal มองว่า จีนพร้อมที่จะเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เพราะเขาต้องการประคองอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่มีฐานอยู่ในจีน ซึ่งเงื่อนไขในการเจรจาจีนน่าจะต้องการให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในจีน

สรุป

สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นปี แต่ละฝ่ายต่างตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกัน ซึ่งทำให้ทั่วโลกหวั่นไหว และกังวลว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจโลกรวมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุน เพราะทั้งสหรัฐฯ และจีนเป็นเศรษฐกิจใหญ่ของโลก อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ จะอยู่ไปจนถึงสิ้นปีเพราะเป็นช่วงสหรัฐฯ มีการเลือกตั้ง Midterm เพราะ Trump ใช้มาตรการทางภาษีกับจีนเพื่อเพิ่มฐานเสียงทางการเมืองนั่นเอง

ที่มา CNN

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

จากนักข่าวการเงินหนังสือพิมพ์ธุรกิจย่านประชาชื่น ผันตัวเข้าโลกออนไลน์ ความท้าทายครั้งใหม่คือการเล่าเรื่องเงินให้เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง