สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสหรัฐฯ และจีนตอนนี้ถือว่า “เดือดพล่าน” หลังจากที่ทีมรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์จัดหนักจีนมาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน ทั้งตำหนิและประณามจีนแทบจะทุกมิติ ไม่พลาดแม้แต่ประเด็นเดียว
ทั้งเรื่องกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของฮ่องกง ทั้งความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ทั้งประเด็นสิทธิมนุษยชนในอุยกูร์ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงบทหนังของวงการฮอลลีวูดและดิสนีย์ รวมถึงการขโมยเทคโนโลยี แม้ว่าก่อนหน้านี้จีนก็เริ่มมีฉากขอคืนดีสหรัฐฯ เพื่อจะหันมารื้อฟื้นความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นบ้างด้วยการเน้นเจรจาทางการทูตหวังกระชับความสัมพันธ์ แต่สหรัฐฯ ก็ไม่ได้โจมตีจีนน้อยลง
จีนโต้กลับ: สหรัฐฯ อัตตาสูง หวังชูนโยบาย American first ระรานจีน
สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐอเมริกาแถลงประเด็นที่สหรัฐฯ โจมตีจีนเรื่องทะเลจีนใต้ ว่าสหรัฐฯ เองที่ละเลยไม่ใส่ใจจีนที่พยายามจะสร้างสันติสุขและเสถียรภาพในพื้นที่ดังกล่าว ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ไม่ยุติธรรม จีนไม่เห็นด้วย
หลังจากนั้น Wang Yi รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้พูดคุยกับ Sergey Lavrov รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพื่อแสวงหาความร่วมมือ พูดถึงสหรัฐฯ ว่า สหรัฐฯ เสียสติไปแล้ว สูญเสียทั้งคุณธรรมและความน่าเชื่อถือด้วย สหรัฐฯ พยายามจะใช้นโยบาย “America first” มีความนิยมตัวเองสูง ทำอะไรตามใจตัวเองมากไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่มหาอำนาจพึงกระทำ
Wang Yi ยังบอกอีกว่า สหรัฐฯ พยายามจะนำชุดความคิดในสมัยสงครามเย็นที่ล้าสมัยไปแล้วกลับมาใช้ใหม่ พยายามรื้อฟื้น McCarthyism (ทำให้ผู้คนหวาดกลัวคอมมิวนิสต์) จากนั้น Wang Yi ก็ย้ำว่า จะไม่ปล่อยให้กลุ่มกองกำลังที่ต่อต้านจีนมีบทบาทนำ แต่จะป้องกันตัวเองเพื่อศักดิ์ศรีและผลประโยชน์แห่งชาติ
ไม่ใช่แค่รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนเท่านั้นที่ออกมาแสดงท่าทีแข็งกร้าวตอบโต้สหรัฐฯ บ้างแล้ว แต่ทูตจีนก็ออกมาด้วยเช่นกัน Cui Tiankai เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์กับ CNN ถึงประเด็นที่ความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับจีน ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ นี้ Cui แสดงความคิดเห็นว่า ผู้เห็นรับรู้ความเป็นไปที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
จีนยืนยันกฎหมายใหม่ทำฮ่องกงมีเสถียรภาพมากขึ้น พร้อมเจรจาประเด็นทะเลจีนใต้
Cui Tiankai กล่าวว่า จีนมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะสร้างประเทศให้ทันสมัยขึ้น แข็งแกร่ง และเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น เหมือนกับที่ประเทศอื่นๆ ในโลกทำกัน คำถามที่สำคัญที่มีต่อสหรัฐฯ ในวันนี้ก็คือ สหรัฐฯ มีความยินดีที่จะอยู่ร่วมกับประเทศอื่นที่มีวัฒนธรรมที่แตกต่าง มีเศรษฐกิจและการเมืองที่แตกต่างหรือไม่
ในประเด็นฮ่องกง ที่มีการออกกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ Cui กล่าวว่า กฎหมายนั้นยังสนับสนุนหลักการเดิมคือ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” กฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้ฮ่องกงมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น สภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจในฮ่องกงก็จะปลอดภัยขึ้นเช่นกัน นี่คือเป้าหมายของกฎหมายฉบับนี้
ส่วนประเด็น Xinjiang ที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ ทั้งการนำเข้าค่ายเพื่อปรับทัศนคติใหม่ ไปจนถึงการทรมาน และการพยามยามควบคุมจำนวนประชากรที่นักวิเคราะห์มองว่าจีนพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ผู้คนในซินเจียงอยู่นั้น Cui ระบุว่า เขาไม่รู้เรื่องราวไร้สาระเหล่านี้ถูกแต่งเรื่องขึ้นมาอย่างไร แหล่งข้อมูลล้วนน่าตั้งคำถาม
ส่วนเรื่องทะเลจีนใต้ Cui มองว่า จีนมีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องนี้ ทั้งในเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนที่จีนอ้างสิทธิ ซึ่งยึดตามรากฐานทางกฎหมายและประวัติศาสตร์ และยังต้องการแก้ปัญหาข้อพิพาทนี้ร่วมกับประเทศอื่นๆ ผ่านการเจรจาทางการทูตโดยปราศจากการแทรกแซง แต่น่าเสียดายว่า ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาก็พยายามที่จะเข้ามาแทรกแซงอย่างหนักหน่วง พยายามจะส่งกำลังทหารของตัวเองเข้ามาในภูมิภาคนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง
สหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลจีนในฮิวสตัน จีนสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเฉิงตู
สถานการณ์ล่าสุดที่สะท้อนความสัมพันธ์อันร้าวฉานของทั้งจีนและสหรัฐฯ คือ การสั่งปิดสถานกงสุลฯ โต้กลับกันไปมา ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ประกาศสั่งปิดสถานกงสุลในฮิวสตัน เท็กซัส จีนก็ออกมาประกาศสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเฉิงตูบ้างเช่นกัน
จีนระบุว่า สหรัฐฯ สั่งให้มีการปิดสถานกงสุลจีนใน Houston ก่อน จีนก็มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะโต้ตอบกลับตามที่เห็นสมควรบ้าง ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กำลังดำเนินอยู่นี้ไม่ใช่สิ่งที่จีนปรารถนาจะเห็น แต่นี่คือสิ่งที่สหรัฐฯ ต้องรับผิดชอบ
สุดท้ายจีนก็ยังอยากให้สหรัฐฯ ทบทวนการตัดสินใจที่ตัวเองกระทำมาต่อเนื่องเรื่อยมา ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายนี้ คงไม่กลับมาอยู่ในภาวะปกติได้โดยง่ายในระยะเวลาอันสั้น
ที่มา – Embassy of the People’s Republic of China in the United States of America (1), (2), South China Morning Post, CNN
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา